น่าน ฐานิวัฒนานนท์
" การวิ่ง ก็นับว่าเป็นประโยชน์มาก...เป็นการออกกำลังถูกหลักวิชาและถูกต้องที่สุด ที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ถ้าได้ลองค้นคว้าและเผยแพร่ วิธีสำหรับให้ความเจริญทางด้านอนามัยของประชาชนทั่วไปก็จะเป็นประโยชน์มาก ขอให้ทุกคนสามารถที่จะบริหารร่างกายให้แข็งแรงอยู่ตลอดไป แนะนำให้ผู้อื่นมีกำลังใจและชักชวนให้ทุกคนรักษาตัวให้มีกำลัง ถ้าประชาชนทั่วๆไปแข็งแรงก็ย่อมจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ที่จะทำให้ประเทศชาติเรา ได้มีส่วนร่วมที่เจริญ"
พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน เดี่ยวกับ "การวิ่ง" เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2514 ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
ณ ปัจจุบันนี้ หมอตามโรงพยาบาล ตามคลีนิกไม่มีสิทธิ์บอกคนไข้ให้ออกกำลังกายเสียบ้าง เพราะนอกจากหมอเอง (ส่วนมาก) ก็ไม่ได้ออกกำลังกายเหมือนกัน แต่หมอ (ผู้ซึ่งรู้ประวัติคนไข้ดีนั่นแหละ) มีต้องหน้าที่บอกให้เขาออกกำลังกายโดยวิธีใด แบบไหน อย่างไร ในยุคการออกกำลังกายเป็นปัจจัยจำเป็นข้อที่หก (รองลงไปจากเซ็กส์ของ "ซิกมันฟรอย") ด้วยอายุพ้นวัยห่ามๆมาหลายสิบปีแล้ว ผมจึงต้องหมั่นออกกำลังกายกับเขาด้วย แม้ว่าบางคราต้องเดินทางไปปฏิบัติภาระกิจการงานตามที่ตามจังหวัดต่างๆ ทุกครั้ง ทุก trip แม่บ้านจึงต้องจัดอุปกรณ์การวิ่งลงในกระเป๋าเดินทางให้ (น่ารักที่สุด ทั้งชุดและคนจัด) แต่ละแห่งไม่ว่า กทม. ยะลา ปัตตานี สุราษฎร์ หาดใหญ่ ภูเก็ต หรือ นครศรีฯ ทุกครั้งหลังอาบเหงื่อวิ่งมาแล้วทั่วตัว ระหว่างที่ให้สายลมลูบไล้เช็ดตัว ผมมักถือโอกาสพูดคุยกับเพื่อนทั้งนักวิ่ง และนักออกกำลังกายอย่างอื่นที่บังเอิญอยู่แถวนั้น " ทำไมถึงออกกำลังกาย? " หรือ "ทำไมถึงมาวิ่ง" คำตอบที่ได้ มักคล้ายๆกัน ดังจะยกมา ท่านละ? มีเหตุผลต่างหรือเหมือนกับเขาบ้างไหม?
ส่วนผู้อ่านที่กำลังคิดที่จะออกกำลังกาย แม้ว่าคิดมานานแรมปีแล้ว แต่ยังไม่ได้ฤกษ์ สักที ลองมาดูกันที ว่ามีเหตุผลที่ดี แรงพอที่จะฉุดกระชากให้ท่านลากสังขารลงสู่ลู่วิ่งในลานกว้างได้บ้างไหม? เหมือนเช่นตอนยังเยาว์วัยอยู่ในรั้วโรงเรียน เมื่อหลายสิบปีมาแล้ว
" ชลอความแก่
ทำให้ดูไม่แก่ หรือแก่ช้า
" ชายวัยเลยกลางคน
อายุเลยเกษียณ ที่สวนลุมฯบอก
" ดิฉันยังไม่มีครอบครัว
การวิ่งควบคู่กับการคุมอาหารทำให้หุ่นดีและดูสาวเสมอ
"
นักวิ่งสาวดาวล้อมเดือน
ผู้สับฝีเท้าวันๆไม่ต่ำกว่า
10 รอบอ่างน้ำ มอ.
บอกเคล็ดที่ไม่ลับ " ช่วยคลายเครียดจากการทำงาน
ช่วยให้เกิดความคิดอะไรใหม่ๆดีๆ
บางงานหลายปัญหาที่คิดไม่ออก
ตอนวิ่งกลับคิดออกคิดได้
แล้วไม่เคยทำให้ผมผิดหวังเลย
วิ่งทำให้ไม่ต้องไปเปลืองเงินเสียเวลา
เที่ยวกลางคืน
นั่งคุยตามผับ ตามบาร์
กับเพื่อนๆ แถมยังลากเพื่อนๆ
มาสูู่่ การวิ่งเพื่อรักษา
สุขภาพและช่วยรักษาพลังทางเพศด้วย
(ไม่ต้องเปลืองเงิน
ค่าสูดควันบุหรี่
เพราะหลังวิ่งก็ไม่อยากไปเที่ยวไปทำอะไรแล้ว
นอกจากนอนอยู่กับบ้าน
อย่างเก่งก็แค่ดูทีวีอยู่กับบ้าน"
นักวิ่งวัยทำงานอายุสี่สิบกว่าบอกอย่างเป็นจริงเป็นจัง แถมสำทับอีกว่า "วิ่ง แตะปี๊บดังกว่า ไวอะกร้า" อีกรายเจอบ่อยที่สนามกลางสุราษฏร์ บอกว่า "การวิ่งเป็นการแข่งขันกับตัวเอง" และบอกเป็นกลอนอีกว่า "สุขภาพดี ไม่มีขาย อยากได้ต้องวิ่งเอาเอง" และ "ที่สำคัญเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนอื่น" ซึ่งคงจริงดังที่แกว่า แทบทุกครั้งที่ผมไปร่วมวิ่งที่จัดขึ้นตามจังหวัดต่างๆ ผมมักพบท่านผู้นี้ ตัวแววเป็นมันวิ่งเข้าเส้น Finish รับบัตรคล้องคอไปรอถ้วยรางวัล
ในการวิ่งข้ามสหัสวรรษ
ซึ่งจัดโดยเทศบาลนครหาดใหญ่
เมื่อคืนที่ 31 ธ.ค. 42 แม้ฝนจะตก
แต่ก็มีคนไปร่วมมืดฟ้ามัวดิน
ผมถามชายหนุ่มหัวหน้าครอบครัวสี่คนพ่อแม่ลูก
ท่านให้ความเห็นน่าคิดว่า
"ชวนกันมาวิ่งเพื่อเป็นการสร้างสายใยรักและความสัมพันธ์ความอบอุ่นอันดีในครอบครัว
ตอนนี้ลูกๆผมเรียนอยู่อนุบาล
3 กับ ป. 2
แนวโน้มเด็กจะตามแบบพ่อแม่พี่น้องซึ่งเป็น
patterns เริ่มแรกให้
ดังนั้นต้องรีบปลูกฝังให้เขามีใจรักการออกกำลังกาย
โตขึ้นเราคงตามไปดูแลตลอดเวลาไม่ได้
ถึงตามได้
ก็ไม่แน่ว่าเขาจะเชื่อฟังพ่อแม่สักครึ่งของเพื่อนหรือไม่
ทางที่ดีรีบปลูกฝัง รีบใส่
Program
ที่พึงประสงค์ทั้งหลายรวมทั้งนิสัยรักการออกกำลังกายด้วย
รีบให้เสียแต่วันนี้
อนาคตจะได้ไม่ต้องห่วงนัก
โดยเฉพาะการข้องกับปัญหายาเสพติด
และอบายมุขทั้งหลายที่กำลังใช้วิธี
Marketing แผนใหม่อยู่"
ซึ่งคนที่มีลูกทั้งหลายคงเห็นด้วย
ในการวิ่งข้ามสหัสวรรษ
คืนนั้น
มีครอบครัวพ่อแม่ลูกเข้าร่วมวิ่งด้วยเกือบสองร้อยครอบครัว
นอกจากนี้ในงานวิ่งหาดใหญ่มาราธอนสู่ธรรมชาติ
เมื่อปีที่แล้ว
ผมพบว่าเด็กอายุเพียง 6 เดือน
พ่อแม่ก็อุ้มเข้าร่วมแล้ว
นี่คงเป็นมิติใหม่ ที่นอกจาก
คนเลยวัยกลางคนที่มุ่งรักษาสุขภาพ
คนวัยทำงานที่ต้องการคลายเครียด&ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์
กับคนวัยหนุ่มสาวที่คำนึงถึงสัดส่วนความสวยงามแล้ว
การวิ่งยังเป็นกิจกรรมที่ซึ่งปลูกฝังความคิดให้เยาวชน
และช่วยเพิ่มพูนความรักความอบอุ่นในครอบครัวที่ดีเยี่ยม
เพราะการวิ่งนั้นสมาชิกสามารถทำไปพร้อมๆกันได้ทั้งครอบครัว
วันอาทิตย์ ที่ 6 ส.ค. 43 นี้ หาดใหญ่มาราธอนสู่ธรรมชาติ ครั้งที่ 2 การวิ่งอันยิ่งใหญ่ ที่ไม่เพียงคนในจังหวัดสงขลา และจังหวัดใกล้เคียงใกล้ไกลเท่านั้นที่เข้าร่วม ข่าวเช็คมาล่าสุดว่านักวิ่งหน้าใหม่ ที่ตัดใจเปิดซิงลงวิ่งครั้งแรกในชีวิต เมื่อคืนสหัสวรรษที่ผ่านมา กับนักวิ่งเพื่อสุขภาพและล่ารางวัลนานาชาติ ชาวมาเลย์ สิงค์โป ออสเตรเลีย อัฟริกาใต้ จะแห่กันมาร่วมแข่งขัน ชิงถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (น่าเสียดายที่ ชมรมวีลแชร์ ซึ่งคนขาพิการ แต่ใจเต็มร้อย ติดต่อขอเข้าร่วมหมุนล้อในระยะทาง 42 ก.ม. ด้วย แต่เนื่องจากความไม่มั่นใจในการใช้รถใช้ถนนของผู้ขับขี่ยานพาหนะ ตลอดเส้นทางวิ่ง คณะกรรมการจัดวิ่ง จึงต้องขออภัยไปที่ให้เข้าร่วมไม่ได้ในครั้งนี้) รวมๆนักวิ่งแล้วจำนวนน่าจะสูสีกับคืนวิ่งข้ามสหัสวรรษ อย่างไรก็ตามแม้สปอนเซอร์ไม่มาก ม.อ. โต้โผใหญ่ เองก็คงไม่เข้าเนื้อเหมือนบางปีที่ผ่านมา และมั่นใจว่า ผู้บริหารทุกยุคทุกสมัยคงให้ความสำคัญ รักษาไว้เป็นประเพณีสืบไป หาดใหญ่มาราธอนสู่ธรรมชาติ นับวันนักวิ่งนักออกกำลังกาย และชาวหาดใหญ่ส่วนอื่นที่ไม่ได้ร่วมด้วย เริ่มเห็นว่า งานนี้เป็นส่วนหนึ่งของเมืองหาดใหญ่ และเป็นของชาวหาดใหญ่ไปแล้ว