ชมภาพบรรยากาศ คลิกที่นี่

มหกรรมรวมพลังสร้างสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 1

เสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2545  ณ ท้องสนามหลวง กรุงเทพฯ

 

ตัดสินใจไปงานมหกรรมรวมพลังสร้างสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 1 ซึ่งเป็นการเต้นแอโรบิค ที่ท้องสนามหลวง เพราะเหตุผล 1. ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในกินเนสส์บุ๊ค 2.ต้องการเก็บภาพบรรยากาศอันยิ่งใหญ่อย่างนี้ซึ่งคงไม่มีกันบ่อยๆ 3. ไปกับรถตู้ของหน่วยงานซึ่งจะสะดวกกว่าขับรถไปเอง

นั่งรถไปถึงท้องสนามหลวงประมาณบ่าย 2 โมง รอบสนามหลวงรถติดมาก ผู้คนทยอยกันมาเรื่อยๆ ทั้งรถตู้ รถบัส ทุกคนใส่เสื้อยืดสีเหลืองสดใส ทำให้บริเวณนั้นเหลืองอร่ามไปหมด

 นักเรียนจำนวนหลายพันคน เข้าประจำตำแหน่งตามจุดต่างๆ ตั้งแต่บ่ายโมงแล้ว บริเวณรอบสนามหลวงก็มีสินค้าต่างๆ มากมายตั้งเต็นท์ขายของกันในราคาถูก ของกินก็มีขายกันเพียบ

ราวบ่าย 2 โมง 40 ท้องฟ้ามืดครึ้ม เริ่มมีเม็ดฝนลงมาเปาะแปะ ผู้คนต่างเริ่มวิ่งหาที่หลบฝนกันอุตลุด เต็นท์ขายของต่างๆ เริ่มอัดแน่นด้วยคนที่เข้าไปหลบฝน ผมและพวกวิ่งไปหลบอยู่ในเต็นท์ของพวกพิธีกรและพวกนำเต้นแอโรบิคซึ่งอยู่หลังเวทีใหญ่ ฝนตกลงมาตลอดไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ ซาๆ ลงไปหน่อยเดี๋ยวก็แรงขึ้นอีก  สงสารแต่พวกที่ยืนตากฝนอยู่กลางสนาม เพราะถ้าออกไปหลบฝนก็คงจะยุ่งยากในการนับจำนวนคนใหม่อีกครั้ง

บ่าย 3 ครึ่งแล้ว อีกครึ่งชั่วโมงก็จะเริ่มพิธี ฝนก็ยังไม่หยุดตก ผมยืนอยู่ในเต็นท์จนเมื่อยขาไปหมด ยิ่งเมื่อเช้าเพิ่งไปวิ่ง งานศึกษาศาสตร์ เดิน-วิ่ง มินิมาราธอน ระยะทาง 5 กม. มาด้วย   ระหว่างที่ยืนรอฝนหยุดก็ถือโอกาสถ่ายรูปพร้อมขอลายเซ็น คุณมยุรา ซะเลย อ้อ.. คุณตุ้ย ธีรภัทร ด้วย

บ่าย 4 โมง นายกฯทักษิณ มาถึง ก็ขึ้นเวทีเริ่มพิธีการเลยท่ามกลางสายฝน   มีดารามาร่วมงานหลายคนรวมทั้ง ภราดร ศรีชาพันธุ์ ด้วย คณะรัฐมนตรี ก็มากันหลายคน  นายกฯ พูดเรียกร้องให้ทุกคนหันมาใส่ใจในสุขภาพกันให้มากขึ้น

ประมาณ 4 โมงครึ่ง การเต้นแอโรบิค ก็เริ่มขึ้น โดยมีข้อกำหนดของกินเนสส์บุ๊ค ว่า ต้องเต้นต่อเนื่องโดยไม่หยุด  ต้องเต้นในสถานที่เดียวกัน และ นักเต้นทุกคนจะต้องมองเห็นครูนำเต้นได้ชัดเจน

เสียงเพลง กีฬา...กีฬา...เป็นยาวิเศษ ซึ่งเรียบเรียงทำนองใหม่ ก็ดังกระหึ่มขึ้น พร้อมกับนาฬิกาจับเวลาก็เริ่มเดิน สถิติเริ่มทำการบันทึกแล้ว!!  ครูนำเต้นพูดกระตุ้นให้คึกคัก ค่อยๆ เต้นแบบ warm up ก่อน ราว 10 นาที แล้วเพิ่มความหนักหน่วงขึ้น เต้นไปราว ครึ่งชั่วโมง ฝนก็หยุดตก แต่โทษที ท้องสนามหลวงเป็นโคลนไปหมดแล้ว เต้นย่ำโคลนกันเป็นที่สนุกสนาน ท่าเต้นเป็นไปอย่างง่ายๆ เพราะไม่งั้นจะเต้นไม่พร้อมกัน  ด้านข้างเวที มีจอ ทีวี ขนาดยักษ์ ฉายภาพบรรยากาศในงาน  โดยมีฉากหลังเป็นวัดพระแก้ว ซึ่งให้ภาพที่สวยงามมาก..ก...ก

พิธีกรบนเวที ประกาศว่า ขณะนี้เราทำลายสถิติโลกในด้านคนเต้นแอโรบิคแล้ว เพราะมีคนร่วมเต้นอย่างเป็นทางการ 46,824 คน เหลือแต่เวลาเต้น ต้องให้ได้ 1 ชั่วโมง แต่ผมว่าจำนวนคนน่าจะเกินกว่านั้นเพราะมีพวกที่ไม่ได้ลงทะเบียน มาร่วมเต้นอีกเป็นจำนวนมาก

เมื่อเวลาใกล้ครบ 1 ชั่วโมง ความคึกคักกลับมาอีกครั้ง เพราะสถิติเดิมใกล้ถูกทำลายแล้ว และพิธีกรบอกว่าเราจะเต้นเกินไปอีก 1 นาที เป็น 61 นาที  เราเริ่มนับถอยหลังพร้อมกันเมื่อใกล้หมดเวลา 9..8..7..6..5..4..3..2..1..เฮ!  เสียงเฮ! ดังขึ้น  แต่เราก็ยังคงเต้นต่อไปอีกหน่อย เป็นการยืดเส้นยืดสาย

ในที่สุดประเทศไทยก็สามารถทำลายสถิติเดิมลงได้ทั้งที่สถาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่นัก  โดยเจ้าของสถิติเดิมคือประเทศเม็กซิโก เคยทำไว้ที่ 38,663 คน ในเวลา 1 ชั่วโมง เมื่อเดือน มิถุนายน 2541

การได้ลงกินเนสส์บุ๊ค ไม่ใช่เรื่องสำคัญใหญ่โตอะไรนักแต่เป็นการจุดไฟกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใส่ใจในสุขภาพของตนเองมากขึ้นนี่ซิเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่า  แต่อย่างไรก็ตามผมก็รู้สึกภูมิใจ ที่ได้เป็น 1 ในหลายหมื่นคนที่ได้ร่วมกันสร้างสถิติโลกขึ้นใหม่ และเป็นการเต้นแอโรบิค จริงๆจังๆ ถึง 1 ชั่วโมง ของผมเป็นครั้งแรก!!

งานเต้นจบแล้วแต่บนเวทีก็ยังมีการแสดงของศิลปินต่อไป   ผมและเพื่อนร่วมงานก็เดินไปเซ็นชื่อร่วมรณรงค์การดูแลสุขภาพ บนบอร์ดขนาดใหญ่ ก่อนที่จะไปรอรถตู้มารับตอน 6 โมงครึ่ง ที่หน้าโรงละครแห่งชาติ พวกเรารอจน ทุ่มกว่า ก็ไร้วี่แวว ว่ารถจะมารับ ฮือๆ...โดนปล่อยเกาะ(รัตนโกสินทร์)แล้วเรา จึงเรียก แท็กซี่ ให้กลับไปส่งที่เดิม กว่าจะกลับถึงบ้านก็ 2 ทุ่มครึ่ง รีบอาบน้ำ กินข้าว พร้อมกับทานยาแก้ไข้หวัด 1 เม็ด แล้วรีบขึ้นนอน.