เคยสงสัยไหมว่า ทำไมใคร ๆ ถึงคะยั้นคะยอให้คุณพยายามดื่มน้ำ (อย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน) กันนัก

เหตุผลก็เพราะ น้ำเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับชีวิต เซลล์ทุกเซลล์ล้วนมีน้ำเป็นส่วนประกอบ ถ้านับรวม ๆ แล้ว ในร่างกายมีน้ำอยู่ถึง 55-75 เปอร์เซนต์ของน้ำหนักตัว ดังนั้นถ้าร่างกายขาดน้ำเพียงแค่ 10 วัน เราก็ตายแล้ว (ขณะที่คุณสามารถขาดอาหารได้ถึง 70 วัน)

น้ำในร่างกายของเราส่วนใหญ่มาจากน้ำที่เราดื่ม รวมทั้งในอาหารที่เรากิน และเกิดจากกระบวนการเมตาโบลิซึ่มชึ่งทำงานอยู่ตลอดเวลา ประมาณ 2 ใน 3 ของน้ำในร่างกายจะอยู่ในเซลล์ และอีกหนึ่งส่วนที่เหลือจะอยู่ในเลือดและของเหลวต่าง ๆ

น้ำทำหน้าที่สำคัญ ๆ หลายอย่าง เช่น ช่วยย่อยและดูดซึมอาหารและของเสียไปตามกระแสเลือด ช่วยในการสร้างปฏิกิริยาทางเคมีของร่างกาย ช่วยหล่อลื่นและรองรับการเคลื่อนไหวของเอ็น ข้อต่อต่าง ๆ และช่วยรักษาระดับอุณหภูมิของร่างกาย

อย่างไรก็ตาม ร่างกายของเราไม่เก็บกักน้ำเอาไว้ แต่ละวันจะมีการสูญเสียน้ำตลอดเวลา โดยการขับถ่ายทางปัสสาวะ อุจจาระ ทางผิวหนัง และทางปอด เฉลี่ยมีการสูญเสียน้ำประมาณ 2.65 ลิตรต่อวัน

เพราะเหตุนี้ คุณจึงควรได้รับน้ำทดแทนส่วนที่เสียไป อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 8 แก้วต่อวัน

ปัญหาอยู่ที่ว่าคนส่วนใหญ่ดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะมักดื่มน้ำก็ต่อเมื่อรู้สึกกระหาย ความจริงแล้วเมื่อคุณกระหาย นั่นหมายถึงว่าร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำแล้ว สัญญาณและอาการของภาวะขาดน้ำคือ รู้สึกกระหาย ปัสสาวะน้อยลง และปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม (โดยทั่วไปปัสสาวะสีอ่อนจะดีกว่า) ท้องผูก เหนื่อย อ่อนเพลีย ปวดหัว เวียนหัว หน้ามืดตาลาย เป็นตะคริว อุณหภูมิร่างกายสูง และความดันเลือดสูงขึ้น

มีรายงานการวิจัยชิ้นใหม่ที่พบว่า การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะด้วย

เคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณดื่มน้ำได้อย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน คือ ดื่มทันทีหลังจากตื่นนอน ดื่มก่อนอาหาร (ช่วยไม่ให้กินมากเกินไปด้วย) ดื่มก่อนและหลังออกกำลัง ดื่มเมื่อรู้สึกอ่อนเพลีย ดื่มเมื่อปวดหัวหรือรู้สึกเป็นตะคริว ดื่มเมื่อปัสสาวะของคุณเป็นสีเข้ม จิบน้ำอยู่เรื่อย ๆ ตลอดวัน

อย่าลืมว่า น้ำทำให้กระบวนการทุกอย่างในร่างกายทำหน้าที่ได้อย่างราบรื่น ฉะนั้น Drink up!  ดื่มน้ำซะ