หลักการสอนและการฝึก AEROBIC DANCE
การออกกำลังกายแบบแอโรบิคนั้น เป็นที่นิยมในปัจจุบันในรูปแบบของ AEROBIC DANCE ในต่างประเทศนั้น เขานิยมการออกกำลังกายที่แตกต่างกันไป ในประเทศจีนนั้น เป็นการออกกำลังกายในตอนเช้า ในประเทศ ในประเทศเยอร์มันนิยมการออกกำลังกายที่เรียกว่า GYMNASTIC AEROBIC หรือในยุโรปอาจเรียกว่า GYMNASAPATA และพบหลักฐานว่า ในยุโรปนั้นรู้จักการออกกำลังกายแบบแอโรบิคมานานกว่า 100 ปี แต่ไม่มีหรือไม่ได้ใช้เครื่องดนตรีเข้าประกอบจังหวะท่าทาง ต่อมาสหรัฐอเมริกา ได้นำดนตรีเข้าประกอบจังหวะท่าทาง ต่อมาสหรัฐอเมริกาได้นำดนตรีเข้ามาประกอบ ทำให้เกิดความนิยมแพร่หลายขึ้นในปัจจุบัน และได้มีการเรียกชื่อกันหลายอย่างเช่น Slimnastic Aerobic, Jazz dance , Jagging Dance of Aerobic Dance ซึ่งหลักการเรียกชื่อนั้นอาจเป็นไปตามลักษณะท่าทางที่ประกอบหรือดนตรีที่ประกอบนั่นเอง สรุปแล้วก็มาจากการบริหารกายประกอบดนตรีนั่นเอง คำว่า AEROBIC นั้น KENNETH COOPER ของสหรัฐอเมริกา ปี ค.ศ. 1968 เป็นผู้เสนอหรือเรียกเป็นคนแรก ในการออกกำลังกายแบบวิ่ง 12 นาที และจึงได้วิวัฒนาการมาเรื่อยๆ จนมาถึงปัจจุบัน ในการสอนแอโรบิคดานซ์นั้นมีขั้นตอนหรือหลัการการสอน ดังต่อไปนี้ 1. ระยะเวลาที่เหมาะสมในการออกกำลังกายแบบแอโรบิค คือ 30-45 นาที 2. พื้นที่ใช้สอนควรเป็นพื้นไม้เนื้อนิ่ม มีความยืดหยุ่นตัว ถ้าได้เบาะฟองน้ำรองยิ่งดี ควรหลีกเลี่ยงการใช้พื้นคอนกรีตหรือปาร์เก้ เพราะอาจทำให้เกิดผลต่อข้อต่อเข่า ข้อเท้า ฯลฯของผู้ที่ออกกำลังกาย 3.ควรสวมใส่รองเท้าสำหรับเต้นแอโรบิค ซึ่งมีพื้นนิ่มสวมใส่สบาย จะช่วยลดการกระแทกของน้ำหนักตัวกับพื้นได้ 4.ขณะสอนควรเน้นระบบหายใจ เพื่อที่จะให้ผู้ฝึกได้รับ ออกซิเจน มากที่สุดขณะฝึก 5.ก่อนเสร็จสิ้นการฝึก ควรให้ผู้ได้รับการฝึกมีอัตราการเต้นของชีพจรใกล้เคียงกับชีพจรในระยะปกติ ลำดับขั้นตอนการสอน 1.อบอุ่นร่างกาย (WARM UP หรือ STRETHING EX.) ควรใช้เวลา 10-15 นาที และชีพจรไม่ควรเกิน 100 ครั้ง/นาที 2.ช่วงแอโรบิคหรือช่วงสร้างความอดทนให้ กับร่างกาย ควรใช้เวลา 15-20 นาที ชีพจรในช่วงนี้ควรจะถึงเป้าที่กำหนด คือ ( 220 - อายุ ) X .6 = ขั้นเริ่มต้นสำหรับคนที่ไม่เคยออกกำลังกาย ( 220 - อายุ ) X .7 = ขั้นกลาง ( 220 - อายุ ) X .8 = ขั้นสูง 3.ช่วง WARM DOWN หรือ COOL DOWN เป็นช่วงลดอัตราชีพจร ในช่วงนี้เป็นการสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น แขน ขา หน้าห้อง ฯลฯ ควรใช้เวลา 10-15 นาที
การตรวจนับชีพจร 1.ชีพจรขณะพักหรือก่อนเริ่มต้น 2.ชีพจรหลังจากอบอุ่นร่างกาย 3.ชีพจรขณะที่มีอัตราชีพจรการเต้นสูงสุด 4.ชีพจรในขั้น COOL DOWN 5.ชีพจรเมื่อสิ้นสุดการปฏิบัติงาน หมายเหตุ. ขั้นแอโรบิค หรือในช่วงขณะที่มีอัตราการเต้นของชีพจรสูงสุด ควรคงไว้ซึ่งความนานดังนี้ ถ้าชีพจร 180 ครั้ง/นาที ควรคงไว้ 5 นาที ถ้าชีพจร 150 ครั้ง/นาที ควรคงไว้ 10 นาที ถ้าชีพจร 120 ครั้ง/นาที ควรคงไว้ 15 นาที (ไม่ควรให้เกิดการออกกำลังกายที่เป็นการ Over Load คือชีพจรเต้นเกิน 180 ครั้ง/นาที เพราะอาจทำให้เกิดการหัวใจวายขึ้นได้ หรือเมื่อมีอายุสูงขึ้น อาจเป็นโรคหัวใจได้) ประโยชน์ของแอโรบิคดานซ์ 1.เป็นการเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายที่ดี และให้ความสนุกสนาน ได้ทั้งความแข็งแรง ทนทาน ความคล่องแคล่ว ว่องไว ความอ่อนตัว และทรวดทรง ฯลฯ 2.อย่าคิดว่าเป็นการลดน้ำหนัก การออกกำลังกายเพื่อชีวิต การออกกำลังกายน้อยที่สุด ควรเป็น 2 ครั้ง / สัปดาห์ และครั้งหนึ่งควรใช้เวลา 30 นาที ดีที่สุดของการออกกำลังกายเพื่อชีวิตควรเป็น 1/2 ชั่วโมง/วัน ทำทุกวัน ร่างกายของมนุษย์เรา เมื่อทำการออกกำลังกายเสมอ จะทำให้ร่างกายสร้าง ENDOPHINE จะทำให้ร่างกายรู้สึกสบาย กระชุ่มกระชวยมีชีวิตชีวา หลังการออกกำลังกาย ร่างกายจะต้องชดเชยสิ่งที่สูญเสียไป โดยเฉพาะเกลือพวก POTASSIUM ซึ่งจะมีมากในอาหารจำพวกผัก ผลไม้ฉะนั้นคนที่ออกกำลังกายมากๆ ต้องชดเชย ไขมัน 1 กก. ให้พลังงาน - 6,000 แคลอรี่ ข้าว 1 จาน ให้พลังงาน - 500 แคลอรี่ ผู้ที่มุ่งหวังจะลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายหรือให้แอโรบิคดานซ์ จะต้องควบคุมอาหารด้วย จึงจะได้ผล เพศสัมพันธ์ ใช้พลังงานเท่ากับวิ่งเต็มที่ 100 เมตร เป็นแอโรบิกแบบอ่อน บุหรี่ มีผลทำให้หลอดเลือดตีบตันลง จึงไม่ดีสำหรับคนที่จะออกกำลังกายแบบแอโรบิค จึงควรหลีกเลี่ยง ดื่มสุราจนมึนเมาทำลายสุขภาพร่างกาย จึงควรหลีกเลี่ยงสำหรับคนที่ต้องการออกกำลังกายแบบแอโรบิค
|