<% Set FileObject = Server.CreateObject("Scripting.FileSystemObject") Dir = Request.ServerVariables("SCRIPT_NAME") Dir = StrReverse(Dir) Dir = Mid(Dir, InStr(1, Dir, "/")) Dir = StrReverse(Dir) HitsFile = Server.MapPath(Dir) & "\hitcounter\hits_running_words.txt" On Error Resume Next Set InStream= FileObject.OpenTextFile (HitsFile, 1, false ) OldHits = Trim(InStream.ReadLine) NewHits = OldHits + 1 Set OutStream= FileObject.CreateTextFile (HitsFile, True) OutStream.WriteLine(NewHits) %> ภาษาวิ่ง

ภาษาวิ่ง

ชนกำแพง

สมัครหน้างาน

ลัดเส้นทาง

ไม้ประดับ

ลาก

ชนกำแพง

ภาษาวิ่งวันละคำ : ถ้าเป็นไปได้ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะพยายามสรรหาภาษาวิ่งมาเสนอวันละคำ (แบบเฮๆฮาๆไม่ใช่วิชาการนะ )


ส่วนภาษาวิ่งวันละคำ วันนี้ ขอเสนอคำว่า "ชนกำแพง" 

ชนกำแพง เป็นอาการของนักวิ่งระยะทางไกลที่ warm up ไม่พอหรือฟิตไม่ถึง คนเขาเล่าว่า (ก็ผมเองยังไม่เคยเจอเอง เลยไม่รู้) อาการที่เกิดขึ้น เหมือนกับวิ่งอยู่ดี ๆ แล้วก็ชนกับกำแพงโครมเบ้อเริ่ม ก็เลยเรียกว่า ชนกำแพง (อธิบายได้สุดชัดเจน) 

ตอนนี้ ในวงการนักวิ่งระดับประเทศ มีนักวิ่งทางไกลบางคน เกิดอาการชนกำแพงไปแล้ว ก็เล่นวิ่งไกลตั้ง 200,000 ไมล์ โดย warm up ไม่ดี เลยวิ่งไปชนกำแพงดังโครม จนต้องออกจากการแข่งขัน 

แต่ได้ข่าวว่า งานวิ่งครั้งใหญ่ซึ่งจะจัดในราว ๆ เดือนธันวาคม ดูเหมือนจะชื่อ กกต. ซุปเปอร์มาราธอน 2000 นักวิ่ง 200,000 ไมล์ท่านนี้ กำลังจะเข้าร่วมแข่งอีก แต่ครั้งนี้ คงไม่ชนกำแพงแล้ว เพราะลดระดับจากนักวิ่งล่ารางวัล มาเป็นนักวิ่งไม้ประดับไปเสียแล้ว 

ส่วนนักวิ่งอีกท่านหนึ่ง มีข่าวก่อนหน้านี้ว่า ซุ่มมาดี ฟิตมาเยี่ยม มีแรงดูด (น้ำเกลือแร่) มากชนิดไม่มีใครทาบ โดยหวังคว้าถ้วยชนะเลิศเต็มที่ ตอนซ้อมสามารถทำเวลาเข้าขั้นสถิติโลก และเวลาดีกว่าแชมป์คนปัจจุบันหลายนาที 

แต่อยู่ดี ๆ ก็มีข่าวว่า สองวันก่อนซ้อมมากเกินไป เกิดอาการชนกำแพงดังโครม จนหุ้นหล่นกระจัดกระจายเกลื่อนสนามซ้อม อาการทำท่าจะสาหัส จนแพทย์ประจำสนามสั่งเช็คอาการโดยด่วน ถ้าบาดเจ็บมาก หมออาจห้ามไม่ให้ลงแข่ง 

แต่ถ้ารักษาทัน จะเพิ่มความน่ากลัวขึ้นอีกมาก เพราะมีประสบการณ์ผ่านการชนกำแพงมาแล้ว แชมป์เก่าจากแดนใต้ ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็หนาว ๆ ร้อน ๆ เพราะแค่เห็นท่าดูด (น้ำเกลือแร่) ของคู่แข่งรายใหม่ ก็ถึงกับไข้ขึ้น อาจจะไข้ขึ้นกว่าเก่า 

แต่ถึงอย่างไร แชมป์เก่าก็ยืนยันว่าจะสู้ ตอนนี้ ก็ลุ้นสุดตัว ถ้าแพทย์ประจำสนามตัดสิทธิ์ผู้ท้าชิงรายใหม่ เพราะอาการชนกำแพงสาหัสเกินไป แชมป์เก่าก็ยิ้มร่า เพราะคู่แข่งคนอื่น สถิติยังทาบกันไม่ติด 

ทั้งหมดที่บรรยายมา เป็นเรื่องของนักวิ่ง และอาการชนกำแพงทั้งนั้นเลยนะ (อย่าคิดมาก)


จาก : พัฒนะพงศ์  - 27/09/2000 17:34 


สมัครหน้างาน




ภาษาวิ่งวันละคำ คำที่ 2 :  วันนี้ ขอเสนอคำว่า "สมัครหน้างาน" 

ขอย้ำว่า คำที่จะเสนอวันนี้ คือ "สมัครหน้างาน" ไม่ใช่ "สมัครหน้าบาน" หรือ "สมัครจมูกบาน" แต่อย่างไร และก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับท่านผู้ว่า กทม. 

"สมัครหน้างาน" เป็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่ง ที่มักเกิดขึ้นเป็นประจำกับงานวิ่งต่าง ๆ เป็นปรากฎการณ์มะรุมมะตุ้ม ในช่วงไม่กี่นาทีก่อนการปล่อยตัว เมื่อนักวิ่งต่างพากันไปยื่นใบสมัคร ขอเสื้อ และก็ขอเบอร์ 

สาเหตุทั่วไป ของการเกิดปรากฏการณ์ "สมัครหน้างาน" มีอยู่ด้วยกันสองประการ 

ประการแรก ผู้จัดวิ่ง ไม่ค่อยจะกระจายจุดรับสมัครให้ทั่วถึง แต่จะมีแค่จุดสองจุด แถมบางจุด ไปสมัคร ก็ไม่ได้เสื้อ ไม่ได้เบอร์ ต้องรอไปรับหน้างาน นักวิ่งส่วนหนึ่ง จึงรอไปสมัครหน้างานให้รู้แล้วรู้รอดไป 

สาเหตุประการที่สอง ก็คือ นักวิ่งกลุ่มหนึ่ง ไม่แน่ใจว่า จะไปวิ่งหรือเปล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่มีหลายงานจัดพร้อม ๆ กัน ก็จะเกิดอาการลังเล หากสมัครไปแล้ว เกิดการเปลี่ยนแปลงต้องไปอีกงาน ก็จะเสียเงินค่าสมัครไปเปล่า 

หรือบางที นักวิ่งบางคน อาจจะตั้งใจไปงานหนึ่ง แต่ก็มีประกาศิตบางอย่างที่ขัดขืนไม่ได้ ให้ไปอีกงานหนึ่งแทน อย่างเช่น อาการที่เกิดกับคุณพ่อน้ำหวาน เลขาธิการพรรคไทยรักเมีย ที่เจอประกาศิตให้เปลี่ยนที่วิ่งจากสวนหลวง ร.9 ให้ไปวิ่งที่รพ.นพรัตน์ฯ แทน 

ส่วนสาเหตุลึก ๆ ของการเกิดปรากฏการณ์สมัครหน้างานนั้น จะเกิดกับนักวิ่งระดับชาติ โดยแต่ละรายจะพยายามเจรจาเงื่อนไข และค่าตัวกับ ชมรมต่าง ๆ ว่าใครจะให้ค่าตัวมากกว่ากัน 

บางทีเจรจากับชมรมหนึ่งเสร็จสรรพเรียบร้อย พอถึงวันแข่ง เกิดมีอีกชมรมหนึ่งไปกระซิบถึงหน้างานว่า หากยอมเปลี่ยนชมรม วิ่งเสร็จจะให้เก้าอี้แถม ทำให้นักวิ่งหลายคน เกิดการกลับลำกระทันหันหน้างานมาแล้วหลายครั้ง 

สำหรับงานวิ่งใหญ่ที่จะจัดในราวเดือนธันวาคม ตอนนี้ ก็มีการดึงตัวนักวิ่งตัวเก็งกันอุตลุด จนเกิดเสียงดูดกันจ๊วบจ๊าบดังลั่นไปหมด 

นักวิ่งบางคนที่ฟิตซ้อมมาดี มีโอกาสจะเข้าวินมาก ก็จะเป็นต้องการของหลาย ๆ ชมรม จนบางคนมีชื่อสังกัดหลายชมรมพร้อมกัน ซึ่งไม่มีใครทราบว่า นักวิ่งพวกนั้น จะวิ่งให้ชมรมไหนกันแน่ จะรู้อีกที ก็ตอนที่นักวิ่งพวกนี้ ไป "สมัครหน้างาน" ทีนี้ ล่ะก้อรู้แน่ 

แต่ทางผู้จัดเขาตกลงกันแล้ว ปีนี้จะเป็นปีสุดท้าย ที่ยอมให้มีการสมัครหน้างาน ปีต่อ ๆ ไป จะไม่ยอมอีกแล้ว นักวิ่งคนไหนจะวิ่งให้ชมรมไหน จะต้องประกาศให้เป็นที่รู้ล่วงหน้าก่อนวันสมัคร 

กติกาใหม่ของผู้จัดวิ่ง ทำให้วุ่นไปเหมือนกัน นักวิ่งตัวเต็งหลายคน จึงต้องพยายามต่อรองกับชมรมที่จะไปวิ่งให้ได้เงื่อนไขที่ดีที่สุด เพราะถ้าเข้าชมรมแล้ว ปีต่อไป ย้ายชมรมใหม่ยากแล้ว ขณะเดียวกัน หลายชมรมก็ทุ่มสุดขีด เพราะรางวัลชมรมที่ส่งนักวิ่งเข้าแข่งมากและชนะมาก ปีนี้ เป็นถ้วยใบใหญ่มูลค่าแพงมหาศาล จึงเกิดการซื้อตัวนักวิ่งอุตลุด แว่ว ๆ มาว่า นักวิ่งหลายคนมีค่าตัวสูงหลายสิบล้านบาท นับว่า เป็นนักกีฬาอาชีพที่มีค่าตัวแพงที่สุดในประเทศไทย บางคนก็มีสัญญาว่า จะมีเก้าอี้ให้ ถ้าวิ่งชนะ (ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า ทำไมบางวิ่งบางคน ถึงได้ชอบเก้าอี้นัก) 

ขอยืนยันว่า ทั้งนี้ที่เขียนมา เป็นเรื่องเกี่ยวกับวงการวิ่งเพื่อสุขภาพ และเป็นการอธิบายศัพท์คำว่า "สมัครหน้างาน" เท่านั้น (อย่าคิดมาก.....) 



จาก : พัฒนะพงศ์  - 28/09/2000 17:27 


ลัดเส้นทาง




ภาษาวิ่งวันละคำ คำที่ 3 :  วันนี้ ขอเสนอคำว่า "ลัดเส้นทาง" 

การ ลัดเส้นทาง เกิดขึ้นบ่อยครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิ่งในระยะทาง 10K แต่ในระยะทางยาว ไม่ค่อยจะมี เพราะนักวิ่งที่จะวิ่งในระยะที่ยาวกว่า 10K นั้น ส่วนใหญ่จะฟิตมาดี และสามารถวิ่งได้ครบระยะทางโดยไม่ต้อง "ลัดเส้นทาง" อยู่แล้ว 

การลัดเส้นทาง เกิดขึ้นเพราะหลายสาเหตุ 

สาเหตุแรก เพราะนักวิ่งหลงทาง เนื่องจากผู้จัดไม่ได้จัดทำป้ายบอกเส้นทางให้ชัดเจน จึงเกิดการหลงขึ้น ส่วนใหญ่การหลงมักจะหลงเป็นกลุ่มใหญ่ และบ่อยครั้งที่ไม่ได้ "ลัดเส้นทาง" แต่กลายเป็น "อ้อมเส้นทาง" ไป 

สาเหตุที่สอง เกิดจากนักวิ่งบางคนฟิตซ้อมมาไม่เต็มที่ (หรือบางคนไม่ได้ซ้อมด้วยซ้ำ) ไม่สามารถวิ่งครบระยะทางได้ แต่ความที่อยากได้เหรียญ ก็เลยหาทางย่นระยะทางวิ่ง เลยเกิดการ "ลัดเส้นทาง" ขึ้น 

สาเหตุที่สาม เกิดจากการที่นักวิ่งบางคน มีนิสัยไม่ค่อยจะซื่อสัตย์ หวังจะชนะเพื่อต้องการรางวัล แต่ความสามารถไม่ถึง เลยคิดเอาเปรียบคนอื่น ด้วยการลัดเส้นทาง เพื่อให้สามารถเข้าเส้นชัยก่อนคนอื่น 

ว่ากันตามจริงแล้ว นักวิ่งประเภทที่สามมีไม่มากนัก เพราะนักวิ่งส่วนใหญ่ เป็นนักวิ่งเพื่อสุขภาพ เรื่องรางวี่รางวัล ไม่ค่อยได้นึกถึง (ถึงนึก ก็ไม่มีหวังได้) การลัดเส้นทางจึงไม่ค่อยได้อยู่ในสมอง ทุกคนมีแต่มุ่งจะชนะตัวเอง ด้วยการวิ่งเข้าเส้นชัยด้วยเวลาที่ดีที่สุด 

สำหรับนักวิ่งประเภทที่สอง ที่ลัดเส้นทางโดยไม่ได้หวังไปโกงรางวัลนั้น ความคิดเห็นเกี่ยวกับนักวิ่งประเภทนี้ มีค่อนข้างหลากหลาย บางคนก็ไม่เห็นด้วยกับกระทำดังกล่าว เพราะอาจเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับเยาวชนที่ร่วมวิ่งด้วย แต่บางคนก็เห็นว่า ไม่ได้เป็นเรื่องเสียหายอะไร เพราะนักวิ่งเหล่านั้น เพียงต้องการร่วมสนุกจากการวิ่ง ไม่ได้หวังคดโกงรางวัลอะไร 

อย่างไรก็ตาม ก็มีนักวิ่งอีกประเภทหนึ่ง เป็นนักวิ่งที่น่ารังเกียจมาก เพราะ "ลัดเส้นทาง" เป็นประจำ บางคนไม่เคยยอมรับว่า ความสามารถตนเองยังไม่ถึง แต่อยากขึ้นแท่น เลยพยายามลัดเส้นทางสุดชีวิต ถึงขนาดติดสินบนกรรมการประจำเส้นทาง กรรมการบงคน ก็น่ารังเกียจพอกัน รับสินบนนักวิ่งพวกนี้ แล้วก็ยอมปล่อยให้ลัดเส้นทางแซงหน้าคนอื่นไปหน้าตาเฉย คนที่วิ่งตามกติกา ก็ได้แต่มองตาปริบ ๆ 

ลักษณะพิเศษของนักวิ่งพวกนี้ สังเกตง่ายครับ คือ นอกจากชอบลัดเส้นทางแล้ว พวกนี้ ยังวิ่งไปเต้นไปด้วย จนบางครั้ง นักวิ่งพวกนี้ ก็ได้ชื่อว่า "นักวิ่งเต้น" 

ก่อนหน้านี้ มีนักวิ่งพวกนี้ออกอาละวาดเยอะมาก ทั้งวิ่งทั้งเต้นจนฝุ่นตลบไปหมด แต่ตอนนี้ ซาไปแล้วครับ เพราะ"ลัดเส้นทาง" กันจนเหนื่อย คนที่ลัดเส้นทางไปตั้งแต่แรก ป่านนี้ ถึงเส้นชัยกันหมดแล้ว และก็เตรียมตัวขึ้นรับรางวัลกันหน้าสลอนเต็มไปหมด 

และก็แปลก คนดูบางคน รู้ก็รู้ว่า นักวิ่งพวกนี้ ลัดเส้นทางมา ก็ยังไปชื่นชมแสดงความยินดีกันอย่างออกหน้าออกตา 

นักวิ่งพวกนี้ วิ่งเต้นมามากในช่วงเดือนที่ผ่านมา ตอนนี้ คงต้องเก็บตัวเงียบสักพัก แต่ไม่ได้เก็บตัวฟิตซ้อมนะครับ ทว่า พวกนี้ จะไปตระเวนตามสนามวิ่งต่าง ๆ เพื่อศึกษาเส้นทางลัดว่า สนามไหน ควรจะลัดทางไหน จะได้ถึงเส้นชัยก่อนคนอื่น แล้วพอถึงเดือนกันยายนปีหน้า ก็จะกลับมาร่วมวิ่งเพื่อลัดเส้นทางอีก 

ต้องขอย้ำเหมือนทุกครั้งว่า ทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการวิ่งอย่างเดียว ไม่ได้เกี่ยวกับอย่างอื่นเลย (อย่าคิดมาก.......) 



จาก : พัฒนะพงศ์  - 29/09/2000 14:20


ไม้ประดับ



ภาษาวิ่งวันละคำ คำที่ 4 : สำหรับวันนี้ ขอเสนอคำว่า "ไม้ประดับ" 

เปิดดูในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. 2513 (ไม่ได้ เดี๋ยวนี้ ต้องอ้างพจนานุกรมแบบอ. lotus บ้าง) ไม่ปรากฏว่า มีคำแปลของคำว่า ไม้ประดับ 

แต่ในความหมายทั่วไป คำว่า ไม้ประดับ หมายถึง สิ่งของหรือคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรนัก หากแต่มีไว้เพื่อเสริมแต่งขับเน้นสิ่งหรือคนสำคัญของแต่ละเหตุการณ์ให้ดูเด่นกว่าเดิม 

ในแวดวงการวิ่ง ไม้ประดับ หมายถึงนักวิ่งที่วิ่งกี่ครั้งก็ไม่เคยชนะ ไม่เคยเข้าอันดับต้น ๆ (ยกเว้นเวลาวิ่งคนเดียว) และก็เป็นนักวิ่งที่ไม่เคยคิดเคยฝันว่า อยากจะชนะ เป็นนักวิ่งที่เฮฮาไปตามเรื่อง ส่วนมาก จะเป็นกลุ่มเป็นก้อน อย่างเช่น ชาวไทยรันนิ่งดอทคอม เป็นต้น 


อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ นักวิ่งไม้ประดับ ส่วนใหญ่ จะเน้นเรื่องเฮฮา และมิตรภาพเป็นหลัก แต่ก็ยังมีนักวิ่งไม้ประดับอีกจำนวนหนึ่ง ที่ทำทุกอย่างที่จะเป็นไม้ประดับให้ได้ โดยคิดว่า การเป็นไม้ประดับในงานวิ่งระดับชาติ จะช่วยให้มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป 

นักวิ่งพวกนี้ เป็นไม้ประดับจริง ๆ วิ่งก็ไม่วิ่ง พอปล่อยตัวปั๊บ ก็จะแถเข้าหลังเส้นชัย กวาดเอาอาหารเครื่องดื่มไปจนเพียบ เพื่อบำรุงกระเพาะของตนและพรรคพวกเท่านั้น จนหลายคนมีเงินหลายสิบหลายร้อยล้านบาท เพียงชั่วร่วมวิ่งไม่กี่งานเท่านั้น 

 


จาก : พัฒนะพงศ์  - 04/10/2000 18:49 


ลาก



ภาษาวิ่งสัปดาห์ละคำ คำที่ 5 "ลาก"

หายไปนานจาก web เพราะยังไม่ได้ร่ำรวยมีเงินล้นจนไปแจกหุ้นให้คนใช้ได้ จึงต้องทำมาหากินจนไม่มีเวลาคิดหาคำสำหรับภาษาวิ่งเลย 

เพื่อไม่ให้เสียความรู้สึกกันอีก ก็เลยจะขออนุญาตเปลี่ยนชื่อคอลัมน์จากภาษาวิ่งวันละคำ เป็นภาษาวิ่งสัปดาห์ละคำ (ต่อไปอาจจะเป็นเดือนละคำ หรือปีละคำ) แต่จะพยายามหามาเสนอให้สม่ำเสมอ เพราะทราบว่า อย่างน้อยก็มีคน 3 คนที่ติดตามอ่านอย่างเหนียวแน่น 

คนแรก ก็คุณหมอดวงตา (ทวงจังเลย) 

ส่วนคนที่สอง คุณพ่อน้ำหวาน (คนนี้กับผม ผลัดกันเป็นหน้าม้า เวลาอีกคนเขียนกระทู้เข้ามา) 

ส่วนคนที่สาม อะแฮ่ม ก็ตัวผมเองไงครับ 

ภาษาวิ่งคำที่ห้า ขออนุญาตลอกมาดื้อ ๆ จากคำของคุณพ่อน้ำหวาน คือ คำว่า "ลาก" 

คำว่า "ลาก" เป็นกริยาชนิดหนึ่ง แปลว่า ออกแรงใช้มือดึงสิ่งของหรือคนให้ไปในทิศทางที่ต้องการ 

แต่ในวงการวิ่ง การลากนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้มือ แต่ใช้ปากกับขา 
และก็มีมนุษย์พันธุ์อันตรายอยู่พันธุ์หนึ่งที่ชอบ "ลาก" นักวิ่งทั่วไป 

ใครอยากทราบว่า มนุษย์พันธุ์อันตรายนี้ มีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร โปรดเข้าไปดูในกระทู้ของคุณพ่อน้ำหวาน (เห็นมั้ย เราช่วยกัน promote ให้กันและกัน) 

และขอเตือน หากท่านพบมนุษย์จอมลากนี้ โปรดอยู่ห่าง ๆ (คุณพ่อน้ำหวานแนะนำว่า ถ้ากระโดดน้ำหนีได้ ให้โดดเลย) หากท่านหนีไม่ทัน และถูกลากขึ้นมา ท่านจะเกิดอาการหมดแรง อ่อนระโหย และอาจถึงขั้นต้องคลานเข้าเส้นชัย 


วิธีป้องกันการถูกลาก: ขอให้ทุกท่านพก sound-about หรือ สำลีสองก้อน หากท่านไม่สามารถหลีกเลี่ยงมนุษย์จอมลากนี้ได้ และมีอันต้องเผชิญหน้ากันตรง ๆ ก็ขอให้รีบเอาหูฟัง sound-about ยัดใส่หู แล้วเปิดเสียงเพลงหรืออะไรก็ได้ให้ดังที่สุด หากไม่มี sound-about ก็ให้เอาสำลีอุดหู มิฉะนั้น ท่านอาจจะเกิดอาการเคลิบเคลิ้มไปกับคำหวานที่ซ่อนใบมีดโกนไปโดยไม่รู้ตัว และกว่าจะรู้ตัวอีกที ท่านก็กำลังคลานเข้าเส้นชัยแล้ว 

ไม่ทราบสาเหตุเหมือนกันว่า ทำไมจอมลากทั้งหลาย ถึงได้มีวาจาหยาดน้ำผึ้งอาบมีดโกน นอกเหนือจากท่านซุปเปอร์ประธานของเราแล้ว ก็มีอีกคนที่เป็นจอมลากเหมือนกัน และก็มีวาจาหวาน แต่เชือดแต่ละที เป็นแผลเหวอะหวะ 

ความสามารถในการลากนั้นหายห่วง ลากมาตั้งแต่ต้นปี จนป่านนี้ ยังไม่ยอมหยุดลาก 

มีนักวิ่งคนหนึ่ง ฉายาว่า นักวิ่งจอมแจกหุ้น ตอนแรกก็ทำท่าฟอร์มดี มีสิทธิ์เข้าป้ายได้ถ้วยชนะเลิศ แต่โชคร้ายมาเจอะกับจอมลากซะก่อน เลยโดนลากซะลิ้นห้อย ถึงตอนนี้ เริ่มออกอาการคลานแล้ว ถ้ายังสลัดไม่หลุด สงสัยอาจจะ "ชนกำแพง" หมดสภาพที่จะวิ่งต่อ 

(หมายเหตุ: โปรดอ่านความหมายของคำว่า ชนกำแพง ในภาษาวิ่งคำที่หนึ่ง) 



จาก : พัฒนะพงศ์  - 12/10/2000 18:46

ผู้เยี่ยมชม 21มิ.ย.44<% L=Len(NewHits) i = 1 For i = i to L num = Mid(NewHits,i,1) Display = Display & "" Next Response.Write Display %>