ประสบการณ์ลดน้ำหนัก

                ผมเขียนประสบกาณ์ลดน้ำหนักนี้ขึ้นมา ก็เพื่อว่ามันอาจจะเป็นประโยชน์กับท่านที่มีน้ำหนักเกินและต้องการที่จะเอาส่วนที่เกินนั้นออกไป

                ความสูง 171 เซนติเมตร น้ำหนัก 63 กิโลกรัม เป็นรูปร่างที่ผมมีเมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้ว แต่มาสิงหาคมปีนี้ ปาเข้าไป 90 กิโลกรัม ก็เลยต้องมานั่งทบทวนว่าไอ้ที่เพิ่มขึ้นมา 27 กิโลกรัม มันมาได้อย่างไร

1.         ไม่ออกกำลังกาย.......(ความคิดในตอนนั้น) “ก็ทำงานบริษัทเลิกงานก็มืดแล้ว จะเอาเวลาที่ไหน”

2.         ทำตัวเป็นถังขยะ(เขาอิ่มกันหมดแล้ว อาหารที่เหลือเอามานี่ )..........”ก็มันเสียดายอ่ะ”

3.         เที่ยว, ดื่มเหล้าเบียร์........”มันก็ต้องสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานบ้าง”

4.         สูบบุหรี่ดื่มกาแฟ........”ก็ทำงานแล้วมันเครียด”

5.         นอนดึกตื่นเช้า........”นี่แหละชีวิตคนทำงาน”

6.         รู้ว่าผักผลไม้ดีมีประโยชน์แต่ไม่กิน.........”หมูเห็ดเป็ดไก่ อร่อยกว่าเยอะ”

7.         นอนดูทีวี กินขนมถุงยันเข้านอน........”พักผ่อนครับ พักผ่อน”

8.         อ้วนแล้วนะเรา........”ไม่เป็นไร ปล่อยไปก่อน เอาไว้ค่อยลดทีหลัง”

จากเดือนเป็นปี จากปีเป็นหลายปี น้ำหนักมันก็เลยขึ้นมาถึง 90 กิโลกรัมเข้าให้ แล้วมันเป็นยังงัยละทีนี้

·         เสื้อผ้าดีๆ ที่มีก็ใส่ไม่ได้

·         เพื่อนๆ พี่ๆ ที่ทำงานเรียก ไอ้อ้วน ลูกน้องเรียก “ลูกพี่ ต.ง.” ( ผมอ้วนแล้ว พุงใหญ่ ก้นยื่น นะเอง )

·         หมดความมั่นใจเวลาที่ต้องอยู่ต่อหน้าผู้คน ( เช่นประชุมลูกน้อง, นำเสนอผลงาน )

·         ปวดเข่า, ปวดข้อ

·         กรดไหลย้อน ( กินมื้อเย็นเยอะ, กินยันเข้านอน )

·         นอนกรนเสียงดัง ( ภรรยาบอก )

เนื่องจากเป็นคนอ้วนที่ไม่ชอบอ้วน ก็เลยชอบหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ทเกี่ยวกับการลดน้ำหนักลดความอ้วน จนมาเจอ แอลคาร์นิทีน ก็เลยตัดสินใจสั่งซื้อ เพราะถ้าผมเสียตังค์แล้วความตั้งใจจะเพิ่ม (อุตส่าห์เสียตังค์ซื้อ ถ้าลดไม่สำเร็จ ก็เสียดายตังค์แย่)

วันแรกที่ผมเริ่มลดน้ำหนักอย่างจริงจังก็คือ 30 ส.ค. 2553 จาก 90 กิโลกรัม จะให้เหลือสัก 68-70 กิโลกรัม

 

แล้วจะต้องทำอย่างไรบ้างล่ะเรา

1.         มื้อเช้าที่เคยกินแค่กาแฟถ้วยเดียว...........กินอาหารเช้าทุกวัน ตามด้วยกาแฟดำ 1 ถ้วย

2.         มื้อกลางวันที่สั่งแบบพิเศษตามด้วยขนมหวานหนึ่งถ้วย.......เอาแบบธรรมดาขนมหวานไม่ต้อง

3.         มื้อเย็น.........ไม่กินแล้ว (พระท่านยังไม่ฉันเลย) นมเปรี้ยวขวดเดียวพอ (ทรมานมากในสัปดาห์แรกแต่พอเริ่มชินมันก็ดีนะ ประหยัดตังค์ด้วย)

4.         กาแฟกินวันละ 3 ถ้วยเหมือนเดิม แต่ ไม่ครีม ไม่น้ำตาล

5.         น้ำอัดลมไม่ดื่มแล้ว

6.         มีขวดน้ำดื่มอยู่ที่โต๊ะทำงาน ดื่มน้ำมาก เดินไปห้องน้ำบ่อย เป็นการออกกำลังกายไปในตัว

7.         เข้านอนเร็วขึ้น (หลับซะจะได้ไม่รู้สึกหิว)

8.         ออกวิ่งทุกวันตอนเย็น หนึ่งทุ่ม ถึง สองทุ่ม ก่อนวิ่งครึ่งชั่วโมงต้องกิน VIVID XTRA PLUS 2 เม็ด

-               ผลทางจิตใจ เสียตังค์ซื้อมากินแล้วต้องวิ่งนะ ถ้ากินแล้วไม่วิ่งน้ำหนักลงช้านะเออ

-               ผลทางกาย เหงื่อออกมาก, วิ่งได้นานขึ้น

 

ตอนนี้(ปลายเดือน พ.ย.) น้ำหนักผมเหลือ 77 กิโลกรัม ยังไม่ถึงเป้า แต่ก็ดูดีขึ้น หลายๆคนทักด้วยความสงสัย ทำไมผอมลง อีกประมาณ 7 กิโลกรัม ผมพยายามต่อครับ

ท้ายสุด เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังลดน้ำหนักอยู่ครับ

 

“การลดน้ำหนักเป็นเรื่องที่เริ่มต้นยาก แต่ล้มเลิกง่าย “

 

ชายอยากผอม
พิพัฒน์

 

 


 

เวลาอ้วนหน้าจะบวมๆมีพุงและส่วนใหญ่ไปออกที่ก้นครับ

 

กลับไปหน้า VIVID XTRA PLUS