<% Set FileObject = Server.CreateObject("Scripting.FileSystemObject") Dir = Request.ServerVariables("SCRIPT_NAME") Dir = StrReverse(Dir) Dir = Mid(Dir, InStr(1, Dir, "/")) Dir = StrReverse(Dir) HitsFile = Server.MapPath(Dir) & "\hitcounter\hits_night_determined_poman.txt" On Error Resume Next Set InStream= FileObject.OpenTextFile (HitsFile, 1, false ) OldHits = Trim(InStream.ReadLine) NewHits = OldHits + 1 Set OutStream= FileObject.CreateTextFile (HitsFile, True) OutStream.WriteLine(NewHits) %> ค่ำคืนอันทรหด_ป้อหมาน

ผู้เยี่ยมชมตั้งแต่วันที่ 8ก.ย.49<% L=Len(NewHits) i = 1 For i = i to L num = Mid(NewHits,i,1) Display = Display & "" Next Response.Write Display %>

 

ค่ำคืนอันทรหด

 

 

 

 

 

 

ณ สามแยกห้วยสนามทราย ทางแยกไปอำเภอน้ำหนาวที่แยกตัวจากถนน สายขอนแก่น-หล่มสัก ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 00.10 น.เป็นเวลาดึกสงัดของค่ำคืนเดือนมืด ชาวบ้านต่างนอนหลับไหลกันหมดแล้ว แม้แต่ตำรวจประจำป้อมยามทางแยกก็หลับไปแล้ว เหลือแต่แสงไฟประจำทางแยกเท่านั้นที่เปิดไว้

รถโดยสารประจำทางสายขอนแก่นเชียงใหม่ คันหนึ่งที่แล่นจากหล่มสัก ได้มาจอดที่สามแยกนั้น ชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวลงจากรถ พร้อมกระเป๋าเสื้อผ้า ทันทีที่ได้ลงจากรถก็ได้สัมผัสอากาศอันเย็นสดชื่น เมื่อลงจากรถแล้ว เขาก็สะพายกระเป๋าเดินไปที่ป้อมตำรวจ เปลี่ยนชุดเครื่องแต่งกาย มาเป็นชุดนักวิ่ง เสื้อกล้าม กางเกงขาสั้น พร้อมรองเท้าวิ่ง คาดกระเป๋าคาดเอวเล็กๆ ใส่ของที่จำเป็นเช่นกระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ เตรียมการวิ่ง แล้วฝากกระเป๋าเสื้อผ้าไว้กับป้อมยามตำรวจนั้นเลย

เอ๊ะ... เขาเป็นบ้าอะไรที่จะมาวิ่งตอนนี้ ทุกคนที่รู้เรื่องราวอาจจะคิดเช่นนั้น แม้กระทั่งเขาเองก็ยังคิด แต่เรื่องราวดังกล่าวก็มีที่มาว่า..... เขานั้นเป็นลูกชายคนโตของบิดามารดาซึ่ง มีบุตรด้วยกัน 3 คน เขาเป็นบุตรคนเดียว ที่ได้รับราชการทำงานเป็นหลักเป็นฐาน อยู่ที่กรุงเทพมหานคร จึงเป็นที่พึ่งพิงของบิดามารดาได้ เมื่อวานนี้ บิดาเขาได้โทรเลขด่วน ส่งไปถึงเขาว่า "บิดาป่วยนอนรักษาตัวอยู่รพ.น้ำหนาว ให้กลับด่วน" เขานั้น ได้จากบ้านบิดามารดามาเป็นเวลา 6 เดือนแล้ว ยังไม่ได้กลับ เมื่อได้รับโทรเลขดังกล่าวแล้ว จิตใจจึงได้ร้อนรน รีบโทรไปที่ รพ.น้ำหนาว หลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ เขาจึงได้แต่ทำใจให้สงบ รอเวลา 16.00 น. ที่จะได้ออกเวรจากการปฏิบัติหน้าที่

เมื่อออกเวรฯ แล้ว เขารีบเก็บเสื้อผ้า เตรียมชุดวิ่ง ใส่กระเป๋า และเดินทางไปหมดชิต2 ทันที ซื้อตั๋วรถกรุงเทพ-หล่มสัก ครู่ต่อมารถโดยสารก็พาเดินทางออกจากกรุงเทพ เวลาประมาณ 17.00 น. ระหว่างรถวิ่งอันยาวนาน เขาหลับเพื่อเก็บแรงไว้ จนถึงหล่มสักเวลาประมาณ 5 ทุ่ม จึงได้ตื่นขึ้นมา และต่อรถขอนแก่นเชียงใหม่ ลงที่สามแยกห้วยสนามทราย

เนื่องจากว่า ไม่มีรถโดยสารต่อเข้าไปอำเภอน้ำหนาว และบ้านห้วยแปก ที่บิดามารดาเขาอาศัยอยู่ แต่เขารีบด่วนต้องการเดินทางในคืนนี้ และเพื่อเป็นการฝึกซ้อมวิ่งด้วย เขาจึงเลือกวิธีการวิ่งไป จึงเป็นที่มาของค่ำคืนอันทรหดนี้

เมื่อเตรียมพร้อมแล้ว เขาได้ดื่มน้ำจากขวดที่เหลืออยู่เพื่อตุนน้ำไว้ แล้วก็ออกวิ่งไป กม.แรก ผ่านหมู่บ้านห้วยสนามทราย สุนัขบ้านหลายตัว มองเห็น ก็พากันเห่า แต่เขาก็ยังวิ่งไปตามปกติ จนสุนัขพากันเงียบเสียงไปเอง ระยะทางที่เขาจะวิ่งไปนี้ จากทางแยกนี้ ถึงบ้าน วัดระยะได้ จำนวน 35 กม.พอดี เนื่องจากพื้นที่เป็นหลุบโหล่นขุนเขา ทางวิ่งจึงเป็นขึ้นเนินบ้าง ลงเนินบ้าง ทางราบมีน้อยมาก ผ่านกม.แรก เข้ากม.ที่สอง เริ่มเป็นทางขึ้นเขา โดยเป็นทางขึ้นเขายาว 4 กม. ต่อเนื่อง และในทางขึ้นเขานี้ มีโค้ง 20 ศพ อยู่ด้วย

โค้งดังกล่าวนี้ เคยมีอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำมาแล้วมากมาย คนตายเกิน 20 ศพ นี้ถ้าเป็นสมัยเด็ก หรือสมัยวัยรุ่นหนุ่มน้อย เขาคงไม่กล้าที่จะวิ่งผ่านบริเวณนี้ ในเวลาดึกสงัดคืนเดือนมืดแบบนี้แน่ แต่ขณะนี้ด้วยวัยหนุ่มฉกรรจ์ อายุ 36 ปี เขาจึงรู้สึกกล้า แม้จะหวาดหวั่นบ้างเล็กน้อย ขณะวิ่งผ่านโค้ง 20 ศพ ลมเย็นพัดผ่านตัวเขาวูบ ข้างทางมีเสียงดังแครก ขึ้นมาด้วย เป็นลักษณะที่จะทำให้อารมณ์กลัวแบบกระเจิดกระเจิงจนคุมไม่อยู่ แต่เขาก็คิดไปว่า นั้นคงเป็นเสียงหนู วิ่งออกหากินกลางคืน ขนาดหนูตัวเล็กๆ ยังไม่กลัว แล้วเราจะกลัวไปใย คิดแล้วเขาก็วิ่งต่อไป ขณะผ่านโค้ง ก็แผ่เมตตาให้ บรรดาวิญญาณ ที่อาจจะมีอยู่ที่นั่นว่า "ท่านทั้งหลายจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด" พร้อมกันนั้นก็ยกมือไหว้ศาล ที่อยู่บริเวณนั้น แล้วเขาก็วิ่งไปตามปกติด้วยความเร็วทีค่อนข้างช้า เนื่องจากเป็นเนินชัน

เมื่อวิ่งขึ้นไปได้ ประมาณกลางเขา ค้างคาวตัวหนึ่งบินอยู่บนศรีษะของเขา มองลงมาที่เขาแล้วคิดว่า "มนุษย์คนนี้เป็นบ้าอะไร มาวิ่งอยู่กลางคืนคนเดียว ผิดลักษณะของมนุษย์อื่นทั้งหลายที่เขาได้พากันนอนหมดแล้ว" คิดแล้วเจ้าค้างคาวตัวนั้นก็โฉบลงไปดูใกล้ๆ ชนิดแบบจะให้ถึงตัวเขา คงหวังว่าจะให้เขาตกใจกระมัง เขาได้กลิ่นค้างคาว และแรงลมค้างคาวประทะตัววูบ ก็คิดในใจเช่นกันว่า "อย่าเลยเจ้าค้างคาวเอ๋ย ข้าฯ ไม่ตกใจหรอก" แล้วเขาก็วิ่งไปตามปกติ ส่วนเจ้าค้างคาว ก็บินฉวัดเฉวียนสองสามรอบแล้วก็บินจากไป

เขาวิ่งขึ้นเนินเสร็จ ก็เป็นทางลงเนิน และเข้าหมู่บ้าน สุนัขก็เห่าต้อนรับอีกเกรียวกราว ออกจากหมู่บ้าน ก็ผ่านป่า ขึ้นเนินลงเนินสลับกันไปเรื่อย ช่วงไหนเป็นเนินก็วิ่งช้าและหยุดเดินบ้าง ขณะนี้ทำระยะทางมาได้ 15 กม.แล้ว เหงื่อก็ออกมาก มาตลอด แม้อากาศจะเย็น ทำให้เขาหิวน้ำเหลือกำลัง จุดให้น้ำก็ไม่มี ชาวบ้านก็หลับกันหมด จะแวะเข้าไปขอก็ไม่ได้ จึงได้อดทนวิ่งแบบหิวน้ำไปเรื่อยๆ ในที่สุด เขาก็วิ่งถึง รพ.น้ำหนาว ด้วยระยะทาง 20 กม.พอดี สิ่งแรกที่ทำคือ ตรงไปดื่มน้ำก่อนเลย เสร็จแล้ว ก็ไปสอบถามพยาบาลเวร ถึงคนป่วยที่เป็นบิดาของเขา พยาบาลบอกว่า บิดาเขาป่วยเป็นโรคท้องร่วง นอนพัก 1 คืน ได้ออกจากรพ.ไปเมื่อบ่ายที่ผ่านมานี้แล้ว

เขาดูนาฬิกาขณะนั้นเวลา 03.40 น.แล้ว เขาวิ่งมาได้ 20 กม.แล้ว นึกว่า บิดาจะอยู่ รพ.จะได้พักที่นี้ แต่ปรากฏว่าบิดาได้กลับบ้านแล้ว เขาจึงจำเป็นต้องวิ่งต่ออีก 15 กม. เพื่อไปที่บ้านอีก เขาพักดื่มน้ำนิดหนึ่งจึงเริ่มออกวิ่งต่อไป เวลาล่วงเลยเข้า 04.00 น. แล้ว อาการอ่อนล้า มีนิดหน่อย แต่ที่เป็นอาการหนักคือความง่วง วิ่งไปง่วงไป ด้วยความทรหด ระยะทางก็คืบหน้าไปเรื่อยๆ จนเวลา 05.00 น. จึงหายง่วง เมื่อหายง่วงแรงก็ดีขึ้น ทำความเร็วขึ้นได้บ้าง แต่บริเวณไหนขึ้นเนินเขาก็ต้องเดินอย่างเดียว เพราะความอ่อนล้ามีมากขึ้น ความหิวน้ำด้วย ขณะนี้ วิ่งผ่านมาได้ กม.ที่ 28 เริ่มหิวน้ำมากขึ้นอีก เขาจึงบอกตัวเองว่า อดทนไว้ ใกล้จะถึงหมู่บ้านข้างหน้าแล้ว และใกล้จะสว่างแล้ว จะได้แวะกินน้ำในหมู่บ้านได้

เวลา 05.45 น. ขณะนั้น ฟ้าสางแล้ว เขาวิ่งมาถึงบ้านห้วยหญ้าเครือพอดี เหลือระยะทางที่จะวิ่งอีก 4 กม.เขาจึงได้แวะดื่มน้ำ ที่กระท่อมข้างทางของตาใจดีคนหนึ่ง น้ำในโอ่งดินเล็กๆ นั้น ให้ความรู้สึกสดชื่นมาก เขาขอบคุณตาแล้ว ก็ออกวิ่งต่อไป " ใกล้จะถึงบ้านเราแล้ว" เขาคิด วิ่งไป ดูหลัก กม. กับเส้นบอกระยะทางไปเรื่อยๆ ความเร็ว เหลือน้อย กม.ละ 7 นาที

ในที่สุด เขาก็วิ่งถึงบ้านห้วยแปก สุนัขสีแดง ที่บิดาเลี้ยงไว้ ก็วิ่งออกมาต้อนรับ แกว่งหาง ลู่หู ด้วยความยินดี เขาเดินขึ้นไปบนบ้านกราบบิดามารดา เสร็จ....แล้วก็พูดว่า "ถึงบ้านแล้ว" ด้วยความดีใจ ที่เขาฝึกสำเร็จ ด้วยการผ่านคืนอันทรหด ค่ำคืนอันมืดมิดมาคนเดียว มีแต่ค้างคาว,หนู และเสียงจิ้งหรีด เรไร ร้องเป็นเพื่อน...สรุปแล้ว เขาวิ่งได้ระยะทาง 35 กม. ใช้เวลาไปประมาณ 6 ชั่วโมงพอดี

ท่านใดที่เคยเดินทางผ่าน อำเภอน้ำหนาว หรือเคยไปเที่ยวภูกระดึง โดยไปขึ้นทางผาหล่มสัก ต้องผ่านบ้านวังกวาง บ้านห้วยแปก ก็ให้คิดถึงเขาคนนั้นบ้างนะครับ...
 



โดย : poman 13/08/2005 10:47 AM
 

คลิกอ่านต่อ

ชีวิตนี้เกิดมาเพื่อวิ่ง ตอนวัยประถมและมัธยม

เปิดไดอารีป้อหมานบันทึกตอนเป็นเด็กมัธยม

ชีวิตนี้เกิดมาเพื่อวิ่ง"ตอนวัยทำงาน"

ป้อหมาน...ผู้โอหัง