<% Set FileObject = Server.CreateObject("Scripting.FileSystemObject") Dir = Request.ServerVariables("SCRIPT_NAME") Dir = StrReverse(Dir) Dir = Mid(Dir, InStr(1, Dir, "/")) Dir = StrReverse(Dir) HitsFile = Server.MapPath(Dir) & "\hitcounter\hits_miangkham_by_krit.txt" On Error Resume Next Set InStream= FileObject.OpenTextFile (HitsFile, 1, false ) OldHits = Trim(InStream.ReadLine) NewHits = OldHits + 1 Set OutStream= FileObject.CreateTextFile (HitsFile, True) OutStream.WriteLine(NewHits) %> เมี่ยงคำโดย_กฤตย์

ผู้เยี่ยมชมตั้งแต่วันที่12ส.ค.48<% L=Len(NewHits) i = 1 For i = i to L num = Mid(NewHits,i,1) Display = Display & "" Next Response.Write Display %>

 

เมี่ยงคำ

 

 

โดย   กฤตย์   ทองคง

 

                              เมื่อแรกที่พวกเราเข้ามาวิ่ง ก็หวังว่า  การวิ่งจะช่วยปรับปรุงสภาวะสุขภาพให้ดีขึ้นทั้งทางกายและทางใจ  ซึ่งก็ประสบความสำเร็จที่ระดับหนึ่ง  แต่โชคร้ายที่ฝีเท้ามันเกิดดีกว่าพรรคพวก  แต่จะให้ได้ถ้วยนั้น  ก็ยังไม่ถึงขั้น

                              ดังนั้น  โปรแกรมการฝึกวิ่งแบบพิเศษที่เอาจริงเอาจัง  ก็เกิดมีความจำเป็นกับเราขึ้นมามากกว่าคนอื่นๆ  ก็เพราะเราวิ่งได้อันดับหกอยู่เป็นประจำ  ไม่ใช่อันดับที่ยี่สิบหรือสามสิบ เหมือนคนอื่นเขา

                              ชะตาชีวิตของใครที่ถูกลิขิตให้คล้ายๆอย่างนี้ ก็ให้ระวังว่าอาจจะได้อย่างแต่อาจจะเสียอีกอย่าง  ฝีเท้าที่เร็วจนชนะผู้อื่น ย่อมมีมูลค่าเสมอ  มันจะเรียกคืนชดใช้อย่างที่เราเองก็นึกไม่ถึง  เดี้ยงไปก็เยอะ  หายหน้าหายตาไปก็มาก  ดูเอาเองก็แล้วกัน  ที่ความเร็วของแชมป์รุ่น 40 วิ่งกันอย่างพายุบุแคม  ที่รายงานผลการแข่งขันในวารสารวิ่งเป็นพยานอยู่  แล้วลองชำเลืองมองรุ่น 50 ปลายๆดูบ้าง  ความเร็วตกกันวูบวาบในคาบระยะสิบกว่าปี  ยิ่งดูกันให้ลึกซึ้งนานๆจะไม่พบแชมป์หน้าเก่าๆ  เราได้เฉลียวใจกันบ้างไหม  หายไปไหนกันหมด

                              ก็คงไม่ถึงกับต้องเลิกโปรแกรมฝึก  ไม่ถึงกับต้องเลิกลงคอร์ทกันหรอก ขอเพียงแต่ปันใจให้กับสิ่งที่สวยสดงดงามรอบๆตัว  ให้ความสนใจกับมันบ้าง  อย่าเอาแต่ฝึกๆๆๆจนหูดับตับไหม้เพื่อให้ทันคนนั้นคนนี้เลยไม่ได้ยินโสตสำเนียง นกร้อง , ดอกไม้บาน , ผีเสื้อโบยบิน  จำได้ไหม  แอ้ด คาราบาว บอกไว้ 

                                         

                                   “โอ้..ชีวิตมีอะไรตั้งเยอะแยะ

มีเกิดแก่เจ็บตายคล้ายๆกัน

      แต่สิ่งที่มีไม่เหมือน คือความฝัน

อยู่ที่ใครจะล่ามันให้อยู่มือ”

 

                              ลำพังโปรแกรมการฝึก ยังผลให้เครียดทางกายอยู่แล้ว  แต่ใจมันก็เหิมเกริม  อยากจะสอยดาวมาเชยชม  ฟังเขาเล่ามาว่า  อากาศบนโพเดี่ยมมันสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก  ใจที่แอบคาดหวังอยู่เงียบๆ  ถ้าไม่มีกระบวนการที่ทำให้ตระหนักชัดในการจัดลำดับความคิดอย่างสร้างสรรค์  ใจก็จะเครียดไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว  ไปๆมาๆ ไอ้ที่ว่าสุขภาพใจที่ว่าไปตอนต้นนั้นก็ไปไม่ถึง ได้แต่ถ้วยเต็มบ้าน  แต่ทำชีวิตหล่นหาย  น่าเสียดายนัก

                              ของอย่างนี้ ถ้าไม่เตือนตัวเองอย่างสม่ำเสมอ  จะหลงทางและพลาดประเด็นไปได้อย่างง่ายๆ  ที่สวนสาธารณะอุทยานสวรรค์ ที่ผู้เขียนวิ่งอยู่เป็นประจำ  มีสะพานแขวนไว้ให้คนเดินข้ามบึงน้ำ ทุกวันช่วงเย็นย่ำ มีผู้คนมาหย่อนใจ  โปรยอาหารให้ปลา  ชมตะวันตกดิน กับบรรยากาศที่มีความว่างให้ทอดสายตา ไม่ใช่มีแต่ตึกราม รถยนต์และบ้านคน  แต่ผู้เขียนก็ไม่เคยย่างกรายเข้าไป  เพราะช่วงขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่ต้องฝึกซ้อมประจำวัน  หวงเวลาเป็นอันมาก  ต้องช่วงชิงโอกาส  เดี๋ยวจะมืดไปเสียก่อน  จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่ง เพราะอะไรไม่แน่ชัด  เปลี่ยนใจเลิกวิ่งเร็วก่อนกำหนด  ทั้งๆที่ยังไม่ครบจำนวนและปริมาณที่ฝึกอยู่  เหนื่อยหน่ายไร้จุดหมายบรรยายไม่ถูก  เลยเตร็ดเตร่ข้ามสะพานนั้น  วิวที่ได้ชมชื่น กับ อากาศรอบตัวบอกเราว่า  เราได้พลาดโอกาสที่สวยสดงดงามอย่างนี้ไปได้อย่างไรกัน

                              จากวันนั้นผู้เขียนพยายามหาโอกาสกลับไปในเวลาและช่วงจังหวะที่คิดว่าน่าจะงดงามเสมอๆ  แม้ว่ามันอาจจะต้องแลกเปลี่ยนกับเวลาสำหรับการฝึกโปรแกรมก็ตาม

                              ครั้งนี้ก็เช่นกันอีก  ขณะฝึกวิ่งอยู่  จู่ๆก็เกิดอยากกินเมี่ยงคำขึ้นมา  ประการหนึ่งก็เพราะมันห่างมื้อกลางวันมานานแล้ว  และเมี่ยงคำก็ขายอยู่ปากทางเข้าอุทยานสวรรค์  เมื่อเข้ามาก็ต้องเห็นขายกระตุ้นต่อมอยากอยู่

                              อยากกินมาหลายวันแล้ว  แล้วก็ดันมาอยากเอาอีตอนกำลังฝึกวิ่งทุกที  ให้มันผิดที่ผิดทางอย่างนี้ซิน่า  ได้ผัดความต้องการของตัวเองออกไป  “วิ่งก่อน  อย่างอื่นทีหลัง”  พอวิ่งเสร็จ  “เดี๋ยวก่อนกินเข้าวเสียก่อน  เมี่ยงคำไว้ทีหลัง”  พออิ่มแล้วเมี่ยงคำก็หายอยากไปแล้ว  มันคนละอารมณ์กัน  เป็นอย่างนี้อยู่เรื่อย

                              วันที่ฝึกวิ่งต่อมาก็ซ้ำรอยเดิม  อยากกินเมี่ยงคำอีก  เพราะเห็นคุณยายขาย  แต่ก็มีเหตุผลต่างๆอีกที่ระบุว่าไม่สมควรตอบสนองอารมณ์ขณะนั้น  แม้นตกลงใจจะกิน ก็ไม่ได้พกสตางค์มาอยู่ดี

                              วันหนึ่ง ผู้เขียนเกิดนึกได้ ขณะเปลี่ยนชุดเตรียมมาวิ่ง จึงเตรียมไป 10 บาทให้พอดีกับเมี่ยง 2 ไม้  จะได้ไม่เหลือเงินทอนกรุ๋งกริ๋งขณะวิ่ง  จะลองอุดหนุนคุณยาย ที่ห่อเมี่ยงเป็นคำๆเสียบไม้ ไม้ละ 4 คำราคาแค่ 5 บาทเอง  วันนี้เป็นโปรแกรมวิ่งเบา  จึงไม่นับว่าเป็นการเสียโอกาสสักเท่าไร

                              คงเป็นเพราะอยากกินมานาน เพิ่งมาสมหวังและอาจจะกำลังหิวอยู่ด้วย มันจึงอร่อยเป็นพิเศษ  เมี่ยงคำ 2 ไม้ จึงหายไปในเวลาอันรวดเร็ว

                              ขณะที่เคี้ยวลิ้นที่จับสังเกตอยู่ รู้สึกมีกุ้งแห้งอยู่ด้วย  ที่กล่าวเช่นนี้ก็เพราะ  แม้เมี่ยงคำของแท้จะต้องมีกุ้งแห้งอย่างแน่นอน  แต่เพราะราคากุ้งแห้งมันแพง และเมี่ยงคำราคาถูกกุ้งแห้งจึงพร้อมใจกันหายไปจากเมี่ยงคำหลายเจ้าอย่างจำเป็น

                              คำต่อไป ผู้เขียนจึงลองแกะดู  “โอ้ยายจ๋า  มีกุ้งแห้งจริงๆด้วย ดีใจนักหนาที่เมี่ยงคำศตวรรษที่ 21 ยังคงมีกุ้งแห้งอยู่ด้วยไม่สูญพันธ์ไปไหน”  แม้จะหมดไปแล้วแต่ยังไม่สะใจ  เริ่มนึกเสียดายโอกาสในอดีตที่เราไม่ตัดสินใจกินเสียตั้งแต่วันก่อนๆ  มัวแต่เห็นแก่โปรแกรมฝึก  จนเมื่อพบเพื่อนนักวิ่งจึงเอ่ยปากขอยืมเงินอีก 10 บาท จะได้ไปกินอีก  เลิก..ไม่ฝึกมันแล้ว  ไปอร่อยดีกว่า  ขณะกำสตางค์เหรียญสิบนิเกิลสีเงินแกนกลางทองเหลืองออกวิ่งไป  ก็ตระหนักชัดว่า  เหรียญนี้มีความหมายมากเชียวนะ  แม้เงินล้านเราจะเคยกำมาแล้ว  แต่ยามนี้  ไม่มีอะไรสำคัญเท่าเหรียญสิบนี้  ตกหายไม่ได้นะ  ฉันจะซื้อเมี่ยงคำกิน

                              เป็นวันที่ผู้เขียนมีความสุขมากเลย  ได้กินเมี่ยงคำถึง 4 ไม้ อร่อยมาก  อีกทั้งเป็นการอุดหนุนคุณยาย  ไม่ใช่บริษัทข้ามชาติอีกด้วย  แล้วยังมีผลวิจัยที่แจงว่าเมี่ยงคำนี้อุดมด้วยวิตามินและเกลือแร่เพียบดีนักแล  ขณะที่ไขมันอยู่ที่ศูนย์  สรรพคุณทางยาและการป้องกันยาวสองหน้ากระดาษ

                              ตลอดการวิ่งวันนี้  บอกตามตรงครับ  ผู้เขียนมีความสุขกับการได้วิ่งไปด้วยใจที่จดจ่อกับเมี่ยงคำตลอด  ไม่ได้เป็นอย่างอื่นเลย

                              ชีวิตนั้น  ถ้าเราไม่รู้จักแสวงหาความสุขอย่างง่ายๆ จากหนทางประจำวันแล้ว  เราก็ไม่อาจจะหาพบจากที่ใดได้เลย  และแม้ว่า ชีวิตประจำวันจะยังทุกข์ จะยังต้องดิ้นรน  เราก็จำต้องหาความสุขจากความไม่พร้อมพรั่งเหล่านั้นให้จงได้

                              ผู้เขียนก็เพิ่งจะเริ่มรู้สึกว่า  น้ำนั้น ดื่มอร่อยก็ตอนมาเป็นนักวิ่งนี่แหละ และเมี่ยงคำอร่อยก็มาพบเอาวันนี้เอง  ในวัยที่ย่างเข้าครึ่งศตวรรษ

                              ชีวิตที่มีแต่ความคาดหวัง  จึงเพียบแปร้ไปด้วยความทุกข์  อันความคาดหวังของผู้อื่นเราไม่อาจไปห้ามเขาได้  แต่ความคาดหวังของเรา เราควบคุมได้

                              ผู้เขียนจบการวิ่งในวันนี้ด้วยการยืนนิ่งดูรุ้งกินน้ำที่ทอทาบฟ้าสีเทาเข้มด้วยเมฆหนัก อย่างไม่ต้องการแสวงหาความหมายใดๆ  ยืนเห็นอย่างที่มันเป็น..นาน..นานทีเดียว  รับกลิ่นดินและไอฝนเต็มที่

                              ผู้เขียนขอกล่าวว่า  เราจะฝึกอย่างเดียวไม่ได้หรอกครับพี่น้องนักวิ่ง  ชีวิตมีอะไรให้ดื่มด่ำ  เราฝึกลงคอร์ทก็แล้ว  เราฝึกลงยาวก็แล้วเป็นบางวัน  แต่ก็ควรมีวันที่แสนอ่อนโยนละเลียดละอองฝนฉ่ำกับการวิ่งอย่างที่เราอยากจะวิ่งจริงๆ ในโปรแกรมด้วย  เพื่อที่จะได้เข้าถึงสัจจธรรมของธรรมชาติ ด้วยการซึมซับกับความงดงามตามครรลองอย่างง่ายๆนั้นเอง

  

00:29 .

พุธ 17  กันยายน  2546