<% Set FileObject = Server.CreateObject("Scripting.FileSystemObject") Dir = Request.ServerVariables("SCRIPT_NAME") Dir = StrReverse(Dir) Dir = Mid(Dir, InStr(1, Dir, "/")) Dir = StrReverse(Dir) HitsFile = Server.MapPath(Dir) & "\hitcounter\hits_loose_short_by_otto.txt" On Error Resume Next Set InStream= FileObject.OpenTextFile (HitsFile, 1, false ) OldHits = Trim(InStream.ReadLine) NewHits = OldHits + 1 Set OutStream= FileObject.CreateTextFile (HitsFile, True) OutStream.WriteLine(NewHits) %> กางเกงหลวมโดย...otto

 

มิได้ตั้งใจให้มันหลวม

ภาพถ่ายOTTOปลายปี2001เริ่มลดน้ำหนักลงบ้างแล้วนน.ประมาณ88-90 กก.

 

โดย...OTTO



          เป็นการที่น้ำหนักตัวลดลงมาโดยไม่ได้ตั้งใจที่จะไปลดมัน เนื่องจากการเริ่มวิ่งเพื่อสุขภาพ ลดลง 26 kgs. ในระยะเวลา 18 เดือน จากน้ำหนัก 96 kgs. เหลือ 70 kgs. จากคนที่ไม่เคยวิ่ง ตอนนั้น น้ำหนัก 96 kgs. โดนนักวิ่งรุ่นพี่แอบยัดเยียดเสื้อกล้าม และเบอร์วิ่ง งาน UN Day ครั้งที่ 19 เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2001 มาวางไว้บนโต๊ะทำงาน แถมกระจาย e-mail ไปทุกแผนกว่า นาย OTTO หนุ่มหล่อที่สุดในรุ่น Heavy Weight ลงวิ่ง 10 kms. แล้ว ! จะเอาเหรียญ UN Day มาฝากพวกเรา.......ฮากันทั้งบริษัท
          เล่นบังคับกันแบบนี้ วิ่งไม่ได้ต้องอายกัน มีเวลาแค่ 3 สัปดาห์ ปกติวิ่งเร็วกว่าเดินนิดหน่อยแค่โล สองโล แทบตายแล้ว เอาไงเอากัน ผีถึงป่าช้าแล้ว แอบวิ่งตอนดึกรอบบริษัท เพิ่มระยะวิ่งวันละ 500 เมตร เหนื่อยแทบขาดใจ กัดฟันวิ่ง น่องสองข้างแทบระเบิด โหดมากในตอนนั้น ถอดเสื้อวิ่งพุงปลิ้นเลย มี รปภ.กะดึกคอยให้กำลังใจ กลับบ้านนอนต้องเอาหมอนรองเท้าให้สูงๆ ไว้ ยานวด ยาทาเป็นหลอดโปะกันเข้าไป ไปทำงานเดินแทบไม่ไหว นึกแค้นใจคนที่กระจาย e-mail นัก งานนี้งานเดียวไม่เอาอีกแล้ว พอถึงวันวิ่งจริง 1 ชั่วโมง 20 นาที ยังอยู่ที่บางลำภูอยู่เลย อัดกันสุดๆ ตายเป็นตาย

 เข้าเส้นเกือบชั่วโมงครึ่ง เกือบไม่ได้เหรียญ พรรคพวกที่ไปวิ่งด้วยกันมาแสดงความยินดีต่างพากันงง เพราะแทนที่จะเอาเหรียญมาอวด กลับเอาเสื้อ กับเบอร์วิ่งงาน Thai Sikh ที่จะวิ่งอีกเดือนหน้ามาอวด งานนี้น้ำหนัลดลงไป 3 kgs.


     
    ถึงจุดเริ่มต้นของโลกใหม่ เลิกงานตอนเย็น จากหาที่นั่งดื่มกิน เปลี่ยนมาวิ่งดีกว่าใส่ใจในสุขภาพมากขี้น นักวิ่งรุ่นพี่ให้คำแนะนำควรทำตารางฝึกซ้อมก่อนการลงทุกสนาม ลองวิ่ง และประเมินตนเองดู ซึ่งตอนเริ่มวิ่งนั้นไม่ได้คิดถึงเรื่องการลดน้ำหนักเลย แต่น้ำหนักกลับลดลงอาทิตย์ละ ครึ่งโลบ้าง สองโลบ้างตามตารางฝึกซ้อม
          อยากให้ดูพฤติกรรมการบริโภค และออกกำลังกายของผมก่อน


          พฤติกรรมการบริโภค


          แต่เดิม เริ่มจากน้ำหนัก
96 kgs. ( น้ำหนักขนาดนี้มาร่วม 10 ปีแล้ว )
วันจันทร์ - ศุกร์  อาหารเช้า - นม ขนมปังบ้าง อาหารว่างบ้าง บางทีก็อาหารหนัก
                         เที่ยง - หนักมาก ทานมากกว่าคนอื่นปกติ ถึง 2 เท่า
                         เย็น - ทานบ้างไม่ทานบ้าง แล้วแต่จะมีกิน ส่วนใหญ่จะหนักพวกสุราเมรัยมากกว่า
วันเสาร์ - อาทิตย์ ทานทุกอย่างที่ขวางหน้า ตื่นเช้าตาลืม ปากก็จะเริ่มหาอะไรเคี้ยว บ่ายๆ เย็นๆ จะสรรหาอาหารโปรดปรานพวกเนื้อติดมัน หมูสามชั้น มาแกล้มสุรา


          ภายหลังจากเริ่มวิ่งแล้ว พฤติกรรมการบริโภคก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่ได้ลดปริมาณอาหารแต่อย่างใด เพียงแต่ทานผักมากขึ้นถ้าเลือกได้ ของมันๆ พวกข้าวขาหมูก็ยังคงเหมือนเดิม แถมถ้าวันหนจะซ้อมหนัก หรือวิ่งยาว จะทานอาหารที่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตสูงเพิ่มมากขึ้นกว่าที่เคยทาน เพราะย่อยง่ายไม่ตกค้างในร่างกายนาน ให้พลังงานสูง สำคัญทานแล้วต้องใช้ให้หมด ยกตัวอย่างพรุ่งนี้จะซ้อมวิ่งยาว 15-20 kms. เย็นนี้จะทานขนมปัง บางทีซื้อขนมโก๋มาเป็นถุงมานั่งกิน ตามด้วยเบียร์ขวด สองขวด หลับสบาย ( อันนี้เรื่องจริงครับ เฉพาะผมคนเดียว คนอื่นไม่รู้ ) เรื่องสุรายังคงดื่ม แต่หากเลือกได้ จะหันมาดื่มเบียร์แทนในวันหยุด จริงๆ แล้วไม่ดื่มเลยดีที่สุด เพราะดื่มแล้วมักจะมีกับแกล้ม ทานอาหารมากขึ้น แต่ผมยังคง happy อยู่ที่นักวิ่งไม้ประดับมากกว่า เพราะมันไม่เครียด วิ่งสนุกดี จึงยังไม่ลด ไม่ละทั้งหมด        
         
พฤติกรรมการออกกำลังกาย
          ก่อนตุลาคม 2001 ไม่เคยออกกำลังกาย อย่างดีก็ตีเทนนิส เดือนละ 1-2 ชั่วโมง หลังวิ่งงาน UN Day เสร็จเริ่มจัดตารางการออกกำลังกาย โดยเริ่มจาก
          1. Record น้ำหนักตัวเราเองทุกสัปดาห์ ซึ่งเป็นวัน และเวลาเดียวกันทุกสัปดาห์ เช่นวันจันทร์เช้าทุกสัปดาห์ อย่าชั่งทุกวันเพราะน้ำหนักเราจะขึ้นลงในระหว่างสัปดาห์ไม่แน่นอน และอย่าชั่งหลังจากวิ่งเสร็จ เพราะจะถูกหลอก เนื่องจากเพิ่งสูญเสียน้ำจากการออกกำลัง หากน้ำหนักลดลง หรือเท่าเดิมก็ OK หากเท่าเดิม หรือเพิ่มขึ้น ให้พิจารณาว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาทานมากขึ้น หรือออกกำลังน้อยไปหรือไม่ เพื่อวางแผนการฝึกในสัปดาห์ใหม่ ควรจะกำหนดเป้าหมายเอาไว้ด้วยว่า น้ำหนักจะลดลงเดือนละสักเท่าไร
          2. จัดตารางฝึกซ้อม ของผมจะเน้นระยะทางไม่เน้นเรื่องเวลา ( น้ำหนักจะลดลงช้า หรือเร็วอยู่ที่ความเข้มของการฝึกซ้อม)
     - ระยะแรก ตอนเริ่มวิ่ง Mimi ใหม่ๆ ตุลาคม 2001 - กุมภาพันธ์ 2002 ซ้อมวิ่งเฉลี่ยสัปดาห์ละ 24 kms.
วันจันทร์ - พฤหัส วิ่งวันละ 6 kms.
วันศุกร์ - เสาร์       พัก
วันอาทิตย์              ถ้าไม่ลงงานวิ่ง ก็พัก
      น้ำหนักลดลงสัปดาห์ละ ครึ่งโลบ้าง  1 โลบ้าง ไม่ลดบ้าง
      - ระยะที่ 2 มีนาคม 2002 - กรกฎาคม 2002 เพิ่มระยะวิ่งวันละ 200 เมตร จนได้ระยะทางเลี่ยสัปดาห์ละ 28 kms.
วันจันทร์ - พฤหัส วิ่งวันละ 7 kms.
วันศุกร์ - เสาร์       พัก
วันอาทิตย์              ถ้าไม่ลงงานวิ่งก็พัก
     น้ำหนักลดลงเฉลี่ยสัปดาห์ละ 1 โล
     - ระยะที่ 3 สิงหาคม 2002 - มีนาคม 2003 เพิ่มระยะวันละ 200 เมตร จนได้ระยะทางเฉลี่ย 40-48 kms.
วันจันทร์ - พุธ วิ่งวันละ 8 kms.
วันพฤหัส         Interval 2 kms. ( 200 เมตร x 10 )
วันศุกร์             พัก
วันเสาร์            วิ่งยาว ตอนเช้าตั้งแต่ ตี 5 ไปจนถึง 9 โมงเช้า ไม่เน้นเรื่องเวลาวิ่งช้าไปเรื่อยๆ เหนื่อยหยุดดื่มน้ำเดินคลายกล้ามเนื้อสัก 100 - 200 เมตร วิ่งต่อ
                       ไปเรื่อยๆ จนได้ระยะทาง 15 - 20 kms. ขึ้นไป
วันอาทิตย์        ครอสเทรนนิ่ง ( ขี่จักรยานบ้าง ยกน้ำหนักบ้าง ) ประมาณ 1 ชั่วโมง
     ช่วงนี้ น้ำหนักลดลงไป 16 โล ( เฉลี่ยเดือนละ 2 โล )  


       
  และจากเดือนกุมภาพันธ์ 2003 จนถึงทุกวันนี้ น้ำหนักจะอยู่คงที่ประมาณ 70 - 72 โล เนื่องจากพอใจที่น้ำหนักขนาดนี้จึงไม่ได้เพิ่มความเข้มของตารางฝึกซ้อม พฤติกรรมการบริโภคยังคงเดิม แถมทานมากขี้นในวันก่อนซ้อมวิ่งยาว หรือก่อนลงงานวิ่ง
          สำคัญมากๆ ขอบอกอีกครั้งหากจัดตารางวิ่งแล้ว ต้องมีวินัยในการฝึกซ้อม วันหนวิ่งยาว ก็ต้องยาว วันหนวิ่งเบาก็ต้องเบา วันหนวิ่งหนักก็ต้องหนัก ฝนจะตกแดดจะออก ขาจะปวด ก็ไม่เว้น ยกเว้นบาดเจ็บจากการวิ่งให้ออกเบาๆ หรือหยุดไปก่อน หรือติดงานธุระสำคัญจริงๆ ให้ข้ามวันนั้นไปเลยไม่ต้องชดเชย จากเราเริ่มปรับร่างกายได้ ให้เพิ่มความเข้มของตารางฝึกซ้อมไปเรื่อยๆ จนได้น้ำหนักที่ต้องการ


          ผมโชคดีที่ที่ทำงานพอมีที่วิ่งฝึกซ้อมภายใน ไม่ต้องเดินทาง หลังเลิกงานประมาณ 2 ทุ่ม ใช้เวลาประมาณ  2 - 3 ชั่วโมง ทุกวัน เริ่มจาก warm up - running - cool down - ยืดกล้ามเนื้อ เช้าวันเสาร์วิ่งยาวที่สวนหลวง ร ๙ วันทำงานหลังซ้อมเสร็จกลับทำงานบ้านต่อ กว่าจะได้นอนเที่ยงคืนพอดี

6 โมงเช้าต้องตื่นไปทำงานต่อ ( หรือว่าเวลาพักผ่อนน้อยก็ไม่ทราบทำให้น้ำหนักลด ? )


          ปัจจุบันวิ่งระยะ Half อยู่ จะลองลง Full Marathon กับเขาบ้าง บางคนว่าลดน้ำหนักลงอีกนิดจะได้ไม่ต้องแบกน้ำหนักวิ่งสบายตลอด 42.195 kms. บางคนบอกว่าเพิ่มน้ำหนักอีกนิดหน่อย จะได้มีแรงฮึดในช่วง 10 kms. to go

          ใครอยากลดน้ำหนักแบบดังกล่าวข้างต้น ( ทานเท่าเดิมไม่ต้องลดอาหาร แต่ออกกำลังมากขึ้น )  บรรดาคุณตุ้ยนุ้ยที่บริษัทลองวิ่งแบบผมบ้าง แรกๆ น้ำหนักก็ลดลงเหมือนกัน แต่ขาดความมุมานะลดบ้าง ไม่ลดบ้าง เลยหายไปทีละคน ก็ลองดูแล้วกันครับ

          ขอให้โชคดี มีกางเกงหลวมๆ กันทุกคนครับ

 

ผู้เยี่ยมชมตั้งแต่วันที่27 ต.ค.46<% L=Len(NewHits) i = 1 For i = i to L num = Mid(NewHits,i,1) Display = Display & "" Next Response.Write Display %>

ภาพถ่ายOTTOเมื่อปลายปี2001

ภาพถ่ายเดือนJul.2003