<% Set FileObject = Server.CreateObject("Scripting.FileSystemObject") Dir = Request.ServerVariables("SCRIPT_NAME") Dir = StrReverse(Dir) Dir = Mid(Dir, InStr(1, Dir, "/")) Dir = StrReverse(Dir) HitsFile = Server.MapPath(Dir) & "\hitcounter\hits_consider_thinking_grit.txt" On Error Resume Next Set InStream= FileObject.OpenTextFile (HitsFile, 1, false ) OldHits = Trim(InStream.ReadLine) NewHits = OldHits + 1 Set OutStream= FileObject.CreateTextFile (HitsFile, True) OutStream.WriteLine(NewHits) %> จงคิดให้ดี_grit

ผู้เยี่ยมชมตั้งแต่วันที่  16 มิ.ย.49<% L=Len(NewHits) i = 1 For i = i to L num = Mid(NewHits,i,1) Display = Display & "" Next Response.Write Display %>

จงคิดให้ดี

โดย   กฤตย์  ทองคง

 

               ในบรรดาพวกเราชาวนักวิ่ง มักจะฝึกวิ่งกันเองเป็นส่วนใหญ่  ผู้เขียนตั้งใจจะให้หมายความฝึกเองว่า คือการไม่มีโค้ช หรือ ผู้แนะนำอย่างเป็นกิจจะลักษณะ  แม้จะได้คำชี้แนะจากภายนอกอยู่บ้าง  ก็มักจะมาจากเพื่อนนักวิ่งที่อยู่ในสถานะพอจะรู้บ้าง  ก็แนะนำกันไป  แถมบางทีผิดๆถูกๆก็มีมากกว่าจะมาจาก เกจิ 

               ดังนั้นความรู้ความชำนาญที่จะเอาความรู้ด้านเวชศาสตร์มาใช้กับตัวเองจึงยังค่อนข้างจำกัด  สิ่งที่พวกเราต้องการกันก็คงเป็นการแพร่กระจายของความรู้ในการฝึกวิ่งตามเป้าหมายต่างๆ  ว่าหากวิ่งเพื่อสุขภาพ ควรจะทำอย่างไร  หรือหากจะวิ่งเพื่อพัฒนาความเร็ว  จะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร  เป็นต้น

                ในส่วนของการวิ่งเพื่อสุขภาพนั้น  แม้จะมีผิดพลาด  แต่ก็จะได้รับอันตรายไม่มากเท่ากับพวกที่มีเป้าหมายฝึกความเร็ว 

               ถ้าหากบทความต่างๆของผู้เขียนจะปรับเขียนตามความต้องการของพวกเราแล้วล่ะก็  ผู้เขียนคงจะต้องเน้นเขียนเกี่ยวกับเรื่องเทคนิคฝึกเพื่อพัฒนาการวิ่งเร็วให้มากเข้าไว้  โดยที่สังเกตจากคำถามที่ได้รับมักจะเป็นคำถามประเภทนี้มากที่สุด  ซึ่งผู้เขียนไม่อยากจะให้เป็นเช่นนั้น  การวิ่งล้วนมีแง่มุมที่น่าสนใจมากมายและลึกซึ้งหลากหลายมาก  แต่การฝึกวิ่งเพื่อพัฒนาความเร็วเป็นเพียงแค่ส่วนเดียวของโลกวิ่งเท่านั้น

                แต่ถ้ามองอีกด้าน  ก็เห็นสมควรจะปรับตัวตามคำถามอย่างที่ชาวประชาต้องการ  เพราะมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการบาดเจ็บได้ง่ายที่ควรได้รับความเป็นห่วงและกล่าวเอ่ยทักท้วงไว้  แม้หากไม่มีตัวผู้เขียน  วงการเราจะไร้คำถามและสิ้นข้อสงสัยเหล่านี้ก็หาไม่  ก็คงจะต้องไปถามจะผู้รู้อื่นๆ  ไม่ก็ฝึกกันไปทั้งอย่างผิดๆนั้นเอง

                พอเมื่อมีเวลาและประเด็นที่สามารถเข้าหาเรื่องวิ่งเพื่อการอื่นได้  ผู้เขียนก็จะยินดีเขียนมากทีเดียว  ตัวเองอยากได้ชื่อว่า  เขียนเกี่ยวกับเรื่องวิ่งได้หลากหลายครอบคลุมได้มากกว่า

                สิ่งหนึ่งที่พวกรักการพัฒนาความเร็วต้องการก็คือ ความใฝ่หาสูตรหรือตารางวิ่งที่เหมาะสมกับตนเอง  เพื่อจะได้เอาไปฝึก  ที่พวกเขาไม่ไว้ใจตนเองที่จะสามารถออกแบบตารางวิ่งที่เหมาะสมกับตนเองได้ 

               แต่เนื่องจากความเหมาะสมของแผนที่จะออกผลกับแต่ละรายเป็นเรื่องที่จำเพาะเจาะจง  ไม่ใช่สูตรขนานเดียวใช้ได้กับนักวิ่งทั้งหมด  ก็จึงเป็นเรื่องสุดวิสัยของผู้มีความสามารถออกแบบเขียนแผนโปรแกรมให้ครบถ้วนได้  ก็นักวิ่งมีเป็นหมื่นๆแสนๆ  ใครจะทำไหว

                สิ่งที่อยู่ในใจของผู้เขียนก็คือ  แต่ละบทความ  แต่ละข้อเขียนที่ผ่านตาพวกเราไปเรื่องแล้วเรื่องเล่าพวกเราควรจะได้หลักการในองค์ความรู้อะไรขึ้นมาบ้าง  ทีละนิด ทีละหน่อย  ที่อาศัยความช่างสังเกตของผู้อ่านเองบ้าง  ใช้สามัญสำนึกเองบ้าง  รวมกันหลายๆอย่าง  ก็จะจับหลักการอย่างกว้างๆได้ว่า  ข้อควรปฏิบัติต่างๆของการฝึกความเร็วมีอะไรบ้างที่ต้องอ่านไปแล้วขอให้อดทนหน่อยสำหรับท่านที่เคยได้ยินได้ฟังแล้ว  อ่านเจออีก  กล่าวแล้วกล่าวอีก  ซ้ำไปซ้ำมา  และบางแง่มุมอาจตกหล่นหายหรือไม่ค่อยเน้น  ที่ถ้าเป็นเช่นนั้น  ใช้สายตรงโทรเข้ามาหาได้เสมอ   09-564-7949  ว่ากันเป็นคราวๆน่าจะดีที่สุด

                สำหรับผู้เขียน  มักจะนึกอยู่เสมอว่า  มีอะไรบ้างที่ควรกล่าวไว้  เพื่อให้พวกเราเก็บไว้เป็นหลักการ  แล้วแต่ละคนจะได้ใช้หลักนั้นเป็นแนวทางไปออกแบบแผนฝึกของตัวเองได้  ซึ่งถ้าเป็นไปได้อย่างนี้ก็เท่ากับเผยแพร่ความรู้เรื่องการวิ่งให้มากขึ้น  พวกเราจะได้ไม่ต้องเจ็บกันเกินจำเป็นนัก  จะได้ถึงเป้าหมายกันไวๆ

                สำหรับนักวิ่งผู้มีใจปรารถนาพัฒนาความเร็ว  มีสิ่งที่ควรตระหนักว่าจำต้องมีก่อนลงมือพัฒนาความเร็ว  คือ  เรื่องอายุราชการวิ่งและระยะสะสมว่าต้องมี  ผู้ฝึกมีพรรษาวิ่งมานานเท่าไรแล้ว  ที่ต่ำกว่า 1 ปี  เป็นอะไรที่สุ่มเสี่ยงมาก  การพัฒนาความเร็ว  ไม่ใช่สักแต่เมื่อวิ่งได้แล้วมาลงคอร์ทโครมเลย  คนเราต้องสั่งสมชั่วโมงบินมาให้นานอย่างพอเพียง  ที่จำนวนชั่วโมงบินหรือระยะทางทั้งสิ้นที่ทยอยหยอดกระปุกไปนี้มากมายนัก  โดยที่มิสมควรนับเป็นกิโลเมตร  หากแต่มีหน่วยนับเป็นปีประสบการณ์ทีเดียว

                เซย์ว่า  พอจะอนุโลมฝึกได้  ก็ไม่ควรต่ำกว่า 1 ปี ในทางปฏิบัติครับ  มีน้องนักวิ่งจำนวนมากทีเดียวที่มีประสบการณ์วิ่งมาแค่   5-6 เดือน    ก็แสวงหาสูตรมหัศจรรย์กันเป็นแถว     จำไว้ว่า

 คนเราจะวิ่งได้เร็ว  ก็ต่อเมื่อวิ่งช้าให้เป็นจนเข้าฝักเสียก่อน

 ช้าที่กล่าวนี้ก็คือ  ในการวิ่งแต่ละครั้ง  อย่าให้ถึงกับระดับเหนื่อย  คือให้วิ่งไปได้เรื่อยๆ  จงคิดแต่ในเทอมของระยะทางเท่านั้น  เรื่องเร็ว  เรื่องสูตรวิ่ง  อย่าเพิ่ง  ให้วางไว้ก่อน  ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นที่ปลูกสร้างอะไรทั้งสิ้น  ให้ถมดินก่อน  พูดอย่างนี้หลายครั้งแล้ว

                ถ้าเป็นอย่างนี้  ก็จะสร้างความหงุดหงิดให้กับพวกเรา  เพราะเมื่ออยากจะวาดรูปก็ไม่ได้ดังใจ  ต้องไปหาซื้อพู่กันก่อน  ไหนยังจะกระดาษและสี  อยากจะตีเทนนิสก็ไม่ได้ตี  ต้องมาฝึกวาดไม้ตีลม  ให้แขนได้มุมกี่องศา  ขาก้าวออกไปอย่างไร  ลูกโฟร์แฮนด์-แบคแฮนด์  ก่อนจะไปตีลูกกับกำแพง  กว่าจะได้ลงสนาม  มันหายอยากพอดี  อยากจะว่ายน้ำให้สนุกสนานฉ่ำเย็น  ครูฝึกก็ให้มาจับขอบสระตีขา  แล้วแกก็ไม่ชอบที่เราตีขาด้วย   จุกจิกติโน่นตินี่

                ครับ.....มันก็เป็นอย่างนี้ทุกกีฬานั่นแหละ  พื้นฐานมันต้องมี  ต้องสร้าง  มันจำเป็น  เชื่อฟังเขาไว้เถอะ  เพราะขืนไปเล่นเลย  มันจะไปได้ไม่ไกล  เมื่อเกิดเก่งขึ้นไปจริงๆ  ต้องกลับไปเบสิค  ป.1  ใหม่หมดอยู่นั่นเอง

               เรื่องอายุราชการวิ่ง  ในภาคทฤษฎีว่าไว้ราว 3-6 เดือน  แต่ผู้เขียนอยากให้มีประสบการณ์ที่วิ่งช้า , วิ่งนาน , วิ่งไกล  นานไม่น้อยกว่า 1 ปี  ที่เป็นเช่นนี้  เพราะสรุปได้จากที่พบเจอมากับตัวเอง  ความหนาแน่นของร่างกายผิดกันครับ

                วิ่งประมาณ 5-6 วันต่อสัปดาห์  ครั้งละ 10 ก.ม.ขึ้นไป  ต่อเนื่องเป็นกิจวัตรโดยปราศจากความเมื่อล้าสะสม  ที่ทำไปไม่กี่เดือน ล้ามาก  ทนไม่ไหว  ต้องลดปริมาณลงหรือยุติกลางคันไป  อย่างนี้ถือว่าอ่อนไป

                วิธีทำ  ให้เริ่มจากที่ทำได้  แล้วจึงค่อยๆใส่ระยะทางเติมเข้าไปทีละน้อย  ก็โดยเวลาที่ให้ไว้นั่นแหละ  ค่อยทยอยใส่ลงไป  กว่าจะได้กิโลเมตรสะสมตามเป้า  ก็ได้พอดีกับเงื่อนไขเวลาเริ่มฝึกคอร์ทได้  กว่าฟืนเล็กจะมอด  ขอนไม้ใหญ่ก็ลุกติดพอดี

                สรุปความว่า  เป็นการปูพื้นฐานความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย  จะได้ไม่เจ็บง่ายจาก  Speed Works  ที่กำลังจะมีมา

 

               อีกประการหนึ่งที่ไม่ค่อยจะเห็นใครเอ่ยไว้ก็คือ  ตลอดระยะเวลาแรมปีที่ใช้ในการเพาะสร้างความแข็งแกร่งนั้น  เวลาที่ผ่านไปแต่ละเดือน  ประสบการณ์วิ่งของตัวเองทั้งวิ่งอยู่กับบ้านกับการไปสนาม  บางทีจะหล่อหลอมความสนใจฝึกฝนของตัวเองให้แน่ใจยิ่งขึ้น  หรือให้หวนกลับมาคิดไตร่ตรองอีกที(หลายที)ว่า  เรายังจะเลือกที่จะอยู่ฝึกกับความเร็วนั้นหรือไม่

                การรับรู้ประสบการณ์จากเพื่อนรุ่นพี่ที่ก้าวไปก่อน  จะช่วยเราได้มาก  การฝึกวิ่งเพื่อพัฒนาความเร็ว  เป็นอะไรไม่เหมือนกับการไปดูหนังละคร  ที่มันนั่งอย่างสบาย  กินข้าวโพดคั่ว  ไขว่ห้าง  แต่การฝึกนั้น  มันเป็นสภาพการณ์  ที่เราต้องเหนื่อย บางครั้งแทบหายใจไม่ทัน  ปากเบี้ยวเขียวม่วงไปกับการเป็นหนี้ออกซิเจน  เที่ยวแล้วเที่ยวเล่า  ความสุขสบายแต่หากบ่อยเข้า  ก็จะเปลี่ยนจากความพึงพอใจเป็นน่าเบื่อหน่ายได้ และทุกข์ในที่สุด  เมื่อหวนกลับมาดูการฝึกวิ่งเล่า  แต่ละวันฝึกหนักเพื่อพัฒนา  จำต้องมีเป้าหมายใหญ่โตที่ดีเยี่ยมเป็นพิเศษ  ช่วยมิให้ความซ้ำซากกลายเป็นความเหนื่อยหน่ายสุดทน  ความคิดที่มีต่อแผนฝึกจึงมีความสำคัญไม่น้อยต่อตัวแผนฝึกเอง

                การฝึกเพื่อพัฒนาใดก็ตาม  จะต้องอาศัยการเกาะติดแผนเป็นแรมปี  แม้จะเป็นแชมป์แล้ว  นึกว่าจะเลิกเหนื่อยนั้นก็เปล่าเลย  ไปถามพิทักษ์ดูได้  หนทางแชมป์ที่เลือกไว้  คือหนทางของคนมีกรรม  เป็นชีวิตที่ถูกสาปให้เหนื่อย (อย่างหนักด้วย) ตลอดชีวิต  คุณเองฟังแล้วยังจะเลือกรึ?  จำนวนปีที่ผ่านไป  จำนวนแชมป์ที่นับได้  ตัวอย่างที่เห็น  ความรู้ที่เริ่มเข้าใจ  อาจจะเปลี่ยนความสนใจจากคุณ  เป็นไปว่าไม่ต้องการพัฒนาความเร็วแล้วก็ได้  และมีหนทางที่เป็นไปไม่น้อยด้วย     Mind-set behind the miles

                แชมป์ทั้งหลายมีข่าวสารมาบอกพวกเรา ว่า  อย่ามาเป็นแชมป์กันเลย  มันเท่ากับเป็นการหาภาระให้กับตัวเอง  ขี่หลังเสือ แล้วลงลำบาก  แทนที่คุณจะได้ใช้การวิ่งเป็นหนทางไปสู่วิถีชีวิตที่เรียบง่าย For the rest of my life  มันจะเป็นไปทำนองตรงกันข้าม  ต้องให้แน่ใจว่า  การฝึกฝนแต่ละวันที่เราเลือกลงมือทำเป็นเสมือนเส้นด้ายจิ๋วหลายล้านเส้นถักทอร้อยสอดผูกสาน  ความใฝ่ฝันในการพัฒนาความสามารถวิ่งให้เป็นความภาคภูมิใจสูงสุด  จิตวิญญาณจะได้พบความสงบสันติ  ด้วยหนทางและเป้าหมายที่เลือกแล้ว  ถ้าเป็นอย่างนี้ล่ะก็  ใช่เลย  นี่คือทั้งหมดที่ผู้เขียน  อยากจะบอกให้เพื่อนๆนักวิ่งได้ไตร่ตรองภาพรวมให้รอบคอบ 

               จงตระหนักว่า   “อำนาจ”  มันหอมหวานนักสำหรับผู้ถืออาวุธ  เป็นเช่นเดียวกับความเร็วที่มีเสน่ห์ชวนให้หลงใหลในหมู่นักวิ่ง  แต่เราต้องแน่ใจว่าทั้งอำนาจและความเร็วที่เราถวิลหา  มันจะไม่หวนกลับมาทำร้ายตัวของเราเองในภายหน้า  ประสบการณ์ที่ผ่านมาก็เป็นพยานอยู่  ผู้มีอำนาจอาจไม่ใช่เป็นผู้ที่มีความสงบสุขก็ได้  นักวิ่งแชมป์บนโพเดี้ยมจะสุขสบายนั้นก็ไม่แน่เสมอไป

 

ฉะนั้น  (ใช้เวลา)  คิดให้ดี

 

               นี่ยังไม่นับที่ม้วยกลางทางอีกต่างหาก     กว่าจะได้ถือมงกุฎคฑา ชี้นิ้วสั่งคนได้  ไปเยี่ยมยมบาลแล้วหลายราย  นี้คือหนทางของผู้ถืออาวุธ  กว่าจะเร็วขึ้นมาได้  กว่าจะได้สูดอากาศชื่นใจบนโพเดี้ยม  เดี้ยงไปไม่รู้เท่าไร ต่อเท่าไร

 

ฉะนั้นคิดให้รอบคอบ

 

               ตลอดเส้นทางของผู้ถืออาวุธทอดสู่บัลลังก์  ไม่ใช่กลีบกุหลาบแต่เป็นเลือดรายทาง และหนทางที่ทอดสู่แชมป์  จะรกชัฏด้วยหนามไหน่  ทีมีมงกุฎเพชรอยู่กลางดง

 

ฉะนั้นคิดให้จงหนัก

 

               ดีที่เดียว  หากมีผู้อ่านที่ปากกล้า  อาจถามท้าทายกลับมายังผู้เขียนบ้างว่า  “แล้วไง...ถ้าไม่ดี  ถ้าไม่สุข  ถ้าไม่อะไรต่างๆ  แล้วทำไมผู้เขียนก็เป็นคนหนึ่งที่เลือกเดินทางในเส้นสายดงหนามกับเขาด้วยเล่า”

               คงมีอีกหลายคนคิดเช่นนี้

                ตรงนี้ทัศนคติและแง่มุมการเลือกจับประเด็นความคิด  มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าความรู้เวชศาสตร์กีฬาที่จะแสวงหาหนทางปลอดพ้นจากความบาดเจ็บในหลายๆปีได้  พร้อมๆกับความสามารถหาสนามเพลาะ  หลุมหลบภัยที่ปกปิดเบื้องบน  ด้วยประเด็นความคิดหลากหลาย  จนเราสามารถหยั่งปลายรากลงไปหาความฉ่ำเย็นใต้ชั้นบาดาล  จนกระทั่ง

                ผู้คนข้างบน  อาจสงสัยว่า  ใบและดอกที่แสนจะบอบบางนี้  ทนความระอุแผดเผาจากข้างบนได้อย่างไรกัน

 

01:16  น.    

14  ตุลาคม  2548