% Set FileObject = Server.CreateObject("Scripting.FileSystemObject") Dir = Request.ServerVariables("SCRIPT_NAME") Dir = StrReverse(Dir) Dir = Mid(Dir, InStr(1, Dir, "/")) Dir = StrReverse(Dir) HitsFile = Server.MapPath(Dir) & "\hitcounter\hits_concentrate_running.txt" On Error Resume Next Set InStream= FileObject.OpenTextFile (HitsFile, 1, false ) OldHits = Trim(InStream.ReadLine) NewHits = OldHits + 1 Set OutStream= FileObject.CreateTextFile (HitsFile, True) OutStream.WriteLine(NewHits) %>
โดย...ผศ.นพ.โรจน์รุ่ง สุวรรณสุทธิ
การวิ่งเป็นกีฬาชนิดหนึ่งและกีฬาตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน แปลว่า การแข่งขันการเล่นเพื่อความสนุกสนาน โดยมากเพื่อเป็นการบำรุงร่างกายแข็งแรง ดังนั้นกีฬาที่รู้จักกันโดยทั่วไปก็คือ การเล่นแข่งขันกันเพื่อความสนุกสนาน และเป็นการออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรง การแข่งขันกีฬาเหล่านี้มีมากมายหลายชนิดซึ่งอาจแตกต่างกันไปบ้างในแต่ละชาติศาสนา แต่วัตถุประสงค์ของการกีฬาในเบื้องต้นนั้นจะเหมือนกัน
วัตถุประสงค์ของการวิ่งนั้น
คือความสนุกสนานและการออกกำลังกายโดยอาจอาศัยการแข่งขันเป็นเครื่องมือ
เพราะฉะนั้นนักวิ่งจึงควรที่จะไม่ลืมวัตถุประสงค์ดั้งเดิมของการกีฬาอย่าได้หลงมัวเมา
ในชัยชนะในการแข่งขันจนเกินไปจนกระทั่งทำลายคุณค่าของการกีฬาที่ดีงามลงไป
นอกจากวัตถุประสงค์ในด้านความสนุกสนานและการออกกำลังกายแล้ว
การวิ่งยังได้ถูกนำมาเพื่อพัฒนาบุคคลได้อีกด้วยเพราะนักวิ่งแต่ละคนจะต้องถูกฝึกฝนอบรม
ให้มีคุณสมบัตินักวิ่งที่ดี
คุณสมบัติเหล่านี้ได้แก่
การทำงานเป็นทีม
ความอดทน
ความเพียรพยายาม
ความเสียสละ
ความมีน้ำใจที่ดีงาม รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย
ความอดทน คือความสามารถของนักวิ่งที่จะต้องอดกลั้น อดทนต่อความยากลำบากต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกซ้อม หรือการแข่งขันกับทีมที่มีความเข้มแข็งที่เราจะต้องต่อสู้เอาชนะไปให้ได้ นอกจากความอดทนต่อความยากลำบากแล้วยังต้องอดทนต่อทุกข์เวทนา บางครั้งต้องเจ็บตัวจากการแข่ง
ขันก็ต้องอดทนได้ไม่ท้อถอย หรือหมดกำลังไม่สู้แม้ทีมฝ่ายตรงข้ามจะมีร่างกายแข็งแรงและใหญ่โตกว่า ความอดทนอีกอย่างหนึ่งคือ ความอดทนต่อการเย้ายวนของกิเลสและตันหา นั่นหมายถึงนักวิ่งและต่อทีมของตนที่จะไม่ไปหลงใหลในสิ่งต่าง ๆ มัวแต่เพลิดเพลินหนีซ้อมหรือตอนเก็บตัว เพราะต้องการไปเที่ยวสนุกสนาน บางครั้งอาจจะคิดว่าเราไม่ใช่ตัวสำคัญในทีม เพราะฉะนั้นคงไม่เป็นอะไร ความคิดเช่นนั้นจะทำให้ทั้งทีมเสียหายและเป็นอันตรายต่อการวิ่ง ดังนั้นนักวิ่งจึงต้องฝึกความอดทนต่อสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ความเพียรพยายาม เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของความสำเร็จดังสุภาษิตไทยกล่าวว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น หรือในธรรมมะของพระพุทธองค์ซึ่งตรัสถึงคุณธรรมที่จะนำไปสู่ความสำเร็จคือ อิทธิบาท 4 ได้แก่ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ และวิมังสา วิระยะหรือความเพียรนี้จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการวิ่ง นักวิ่งที่ประสบผลสำเร็จนั้นจะต้องใช้ความเพียรพยายามเป็นระยะเวลาที่นานที่จะต่อสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ พากเพียรไม่ท้อถอย แม้บางครั้งจะผิดพลาดไปบ้างก็จะพยายามต่อไปอีก จนผลสุดท้ายก็จะพบกับความสำเร็จ ในที่สุดความสำเร็จเหล่านี้ถึงแม้ว่าบางครั้งอาจจะไม่สูงสุดแต่อย่างน้อยที่สุดความสำเร็จในระดับหนึ่งก็พอที่จะได้รับ ถ้าไม่ละทิ้งความเพียรเสีย
ความเสียสละคือ การให้ การยอมสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม จิตใจอันนี้เป็นเรื่องที่ควรสรรเสริญและสนับสนุนให้เกิดขึ้นโดยเฉพาะในเด็กและเยาวชนของคนไทย เช่น นักเรียนและนักศึกษาที่เสียสละเวลามาวิ่งให้กับโรงเรียน หรือสถาบันต่าง ๆ แน่นอนนักเรียนหรือนักศึกษาเหล่านี้ย่อมขาดเวลาที่จะดูหนังสือ การเรียนย่อมต้องตกลงไปเป็นของธรรมดา แต่ถ้าทุกคนเห็นแก่ตัวหมดจะเอาแต่คะแนนสอบการกีฬาย่อมเจริญขึ้นไม่ได้ เราควรที่จะให้เกียรตินักวิ่งเหล่านี้ไหม ในการเสียสละของเขา ที่รู้จักยอมสละประโยชน์ส่วนตนให้เพื่อประโยชน์ส่วนรวมเราควรสรรเสริญบุคคลเหล่านี้ไหม ถ้าโรงเรียนหรือสถาบันต่างให้การสนับสนุนมองเห็นความสำคัญ ของการเสียสละของนักกีฬาเหล่านี้ เขาก็จะมีกำลังใจที่จะเสียสละทำสิ่งอื่น ๆ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวมหรือประเทศชาติได้ในอนาคต
ความมีน้ำใจที่ดีงาม รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย เป็นคุณสมบัติที่สำคัญอีกประการหนึ่งของผู้ที่เป็นนักกีฬา เพราะการแข่งขันย่อมมีแพ้ชนะซึ่งจะเห็นจากข่าวในการแข่งขันกีฬาต่าง ๆ ที่มีการโกง ไม่เคารพกติกา หรือกีฬาแพ้คนไม่แพ้ยกพวกตีกัน สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่คุณสมบัติของนักกีฬาเลยกลับเป็นพวกที่ทำลายวงการกีฬา ดังนั้นผู้ที่เป็นนักกีฬาที่รู้จักแพ้ รู้จักชนะ และรู้จักให้อภัยนั้นจึงเป็นผู้ที่มีจิตใจงาม เพราะไม่ได้ลุ่มหลงในชัยชนะจนทำให้เกิดความโลภ หรือไม่พอใจจนเกิดโทสะ คือมีจิตคิดร้าย ทำอันตรายต่อผู้อื่น ดังนั้นนักกีฬาจึงต้องฝึกฝนอบรมจิตใจให้ดีงามเพื่อที่จะต่อสู้กับความโลภและความโกรธ ซึ่งเป็นศัตรูตัวสำคัญของการกีฬา สมาธินั้นก็คือ เครื่องมือที่สำคัญที่จะนำมาใช้ ร่วมไปกับการฝึกวิ่ง เพื่อจิตใจของนักวิ่งที่มีความมั่นคง ไม่หวั่นไหวในอารมย์ต่าง ๆ จะมีผลทำให้ความสามารถในการวิ่งดีขึ้น
การทำสมาธิคืออะไร
การทำสมาธิ คือ การฝึกจิตให้ตั้งมั่นกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงสิ่งเดียวการทำสมาธิมีกี่ประเภท แตกต่างกันอย่างไร
การทำสมาธิมี 2 ประเภท คือ
1. สัมมาสมาธิ เป็นสามธิในทางที่ถูก คือ ต้องมี เจตนา ในการทำสมาธิ เพื่อละความชั่ว ในจิตออกไปชั่วขณะ และสร้างคุณงามความดีให้เกิดขึ้น เป็นการทำจิตใจให้บริสุทธิ์ชั่วขณะ2.มิจฉาสมาธิ เป็นสมาธิในทางที่ผิด คือ มี เจตนา ในการทำสมาธิ ด้วย โลภะ โทสะ แลโมหะ
2.1 โลภะ คือ หวังผลต่าง ๆ ที่คิดว่าเกิดขึ้นจากการทำสมาธิ เช่น อยากได้อิทธิฤทธิ์ อยากเห็นสิ่งต่าง ๆ อยากได้กุศลมาก ๆ อยากเรียนเก่ง เป็นต้น 2.2 โทสะ คือ มีจิตคิดร้ายต่อผู้อื่น เช่น ทำพิธีกรรมไสยศาสตร์ทำร้ายผู้อื่น เป็นต้น2.3 โมหะ คือ ความหลง เช่น การทำสมาธิที่ทำใจให้เฉย ๆ ไม่รับรู้อารมย์ใดทั้งหมด ไม่มีการรับรู้ตามสภาวะความจริงตามธรรมชาติที่เกิดขึ้น หรือเป็นการทำสมาธิด้วยความงมงายปราศจากเหตุและผล
การทำ มิฉาสมาธิ เหล่านี้ เป็นการ สร้างความชั่วให้เกิดขึ้น
ทำไมจึงต้องทำสมาธิ
เพื่อละความชั่วในจิตใจออกไปชั่วขณะทำให้จิตใจมั่นคง สงบเยือกเย็น แจ่มใส ไม่ฟุ้งซ่าน
ทำให้ร่างกายคลายความตึงเครียด
เป็นการสร้างกุศลอย่างหนึ่งในพุทธศาสนา
เราจะทำสมาธิให้เกิดขึ้นได้อย่างไร
การทำสมาธิมีอยู่หลายวิธี วิธีหนึ่งก็คือ อานาปนสติสมาธิ หมายถึง การใช้ลมหายใจเป็นอารมณ์ในการทำสมาธิ ได้แก่ การระลึกรู้ลมหายใจที่ผ่านเข้าออกที่บริเวณจมูก ตรงจุดของลมกระทบเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ซึ่งมีวิธีการดังต่อไปนี้
ขั้นเตรียมตัวก่อนทำสมาธิ
นั่งในท่าที่สบาย ให้กล้ามเนื้อทุกส่วนได้พัก
ละทิ้งความกังวลใด ๆ ชั่วขณะ
สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ
ต้องมีความ เชื่อว่าบุญบาปมีจริง
เราทำการอย่างไร ก็ได้รับผลอย่างนั้น
ทำกรรมชั่ว ย่อมได้ผลชั่ว
ทำกรรมดี ย่อมได้ผลดี
การที่เราได้รับความทุกข์ ทางกายและใจเป็นเพราะเรได้ทำความชั่วมาแล้วในอดีตนั่นเอง
5. ต้องมีความ อดทน ต่ออุปสรรคต่าง ๆ ได้แก่
5.1 อดทนต่อความทุกข์ยาก ลำบากต่าง ๆ เช่น อากาศร้อน มีเสียงรบกวน ฯลฯ 5.2 อดทนต่อความทุกข์เวทนาที่กำลังได้รับอยู่ เช่น ปวดศรีษะ หรือมีอาการไม่สบายเป็นต้น
5.3 อดทนต่อความเย้ายวนด้วยกิเลสตันหา เช่น อยากนอน อยากดูโทรทัศน์ อยากสูบบุหรี่ มีจิตใจฟุ้งซ่าน และมีจิตใจเศร้าหมอง
6. ต้องสร้าง อิทธิบาท 4 ให้เกิดขึ้น คือ
มีความ พอใจ ที่จะฝึกจิตของเราให้สงบ
มีความ พากเพียร ที่จะประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องสม่ำเสมอ
3. มี จิตใจจดจ่อ
อยู่ในการระลึกรู้ลมหายใจ
เข้า ออก แต่เพียงสิ่งเดียว
ไม่ซัดส่ายไปทางใด
4 . ก่อนที่ประพฤติ
ปฏิบัติจะต้องใช้
ปัญญาพิจารณา
กลั่นกรองด้วยเหตุด้วยผล
อันถูกต้อง
( จากหนังสือ บาดเจ็บจากการวิ่ง )
ผู้เยี่ยมชมตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.44<% L=Len(NewHits) i = 1 For i = i to L num = Mid(NewHits,i,1) Display = Display & "" Next Response.Write Display %>