เวลาวิ่งควรหายใจอย่างไร?
ข้อความ : เวลาวิ่งควรหายใจอย่างไร?

ข้อความ : เพิ่งเริ่มต้นวิ่งเพื่อสุขภาพที่สวนลุม วิ่งได้ไม่นานจะรู้สึกหายใจไม่ทัน และเหนื่อยมาก รู้สึกว่าหายใจผิดวิธี อยากขอคำแนะนำค่ะ

จาก : ยุ้ย - - supawadee.yui@bcg.com - 05/06/2001 09:17

จาก : ยุ้ย - 05/06/2001 14:41
ml

ข้อความ : ผมว่าหายใจไม่ผิดหรอก หายใจเข้าแล้วก็หายใจออก..อิ..อิ..แต่ต้องหายใจให้ลึกๆครับ...หรือไม่ก็ k'ยุ้ย อาจจะวิ่งเร็วเกินไป ทำให้หายใจไม่ทัน วิ่งให้ช้าลงหน่อย แล้วปอดกับหัวใจ จะค่อยๆทำงานดีขึ้นเอง

จาก : เต่าซิ่ง - 05/06/2001 18:05

ข้อความ : หายใจยังไงก็ได้แหละครับที่ทำให้คุณรู้สึกสบายที่สุด จะใช้ปากใช้จูกอะไรก็ใช้ไปเถอะ สำหรับผมเวลาวิ่งชอบร้องเพลงไปด้วยจะทำให้หายเหนื่อยและหายใจดีขึ้น หรือไม่ก็หายใจเข้าทางจมูกออกทางปากก็ดีนะครับสำหรับเวลาเหนื่อยๆๆ

จาก : yayuyuya - -
ozmoziz@yourass.com - 05/06/2001 19:33

ข้อความ : เริ่มแรก ควรหายใจโดยใช้ท้องเป็นตัวสังเกตครับ หายใจเข้า หน้าท้องขยาย หายใจออกหน้าท้องยุบลง (หายใจเข้าด้วยจมูก หายใจออกด้วยจมูกและปาก แต่ของผมเดี๋ยวนี้หายใจทางปากมากกว่าจมูกอีกครับ) แล้วถ้าเริ่มวิ่งใหม่แล้วรู้สึกเหนื่อยมาก ก็อาจจะวิ่งเร็วไป ก็ให้วิ่งช้าลงหน่อยครับ เอาแบบว่าวิ่งให้ได้นานๆ ก่อน แล้วค่อยเพิ่มความเร็ว จะดีกว่าครับ

จาก : อุ้ย (เด็กเชียงใหม่) - -
aui101@i-kool.com - 05/06/2001 20:45

ข้อความ : วิ่งที่สวนลุมไม่ทราบว่า ช่วงไหนครับ หากเป็นช่วงเย็นคงจะได้เจอผมกับพี่อาปาชี่ครับ หรือไม่แน่ก็จะได้เจอชายพจน์ เป็นบางวัน แต่ต้องหลัง 6 โมงเย็นไปแล้วนะครับ เข้ามาวิ่งร่วมกันก็ได้ครับ ไม่ว่าจะวิ่งเร็วหรือช้า ผมยินดีวิ่งเป็นเพื่อนได้ครับ หากวิ่งใหม่ ๆ วิ่งคนเดียวไม่มีเพื่อนจะทำให้เบื่อไม่อยากวิ่งได้ครับ เรื่องระบบหายใจก็ทำตามปกติ ไม่ต้องไปวิตกกังวลครับ ฝึกใหม่ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปเป็นธรรมดาครับ

จาก : แมวหลง - 05/06/2001 22:35

ข้อความ : ดีแล้วครับที่คุณยุ้ยเลือกที่จะเริ่มต้นออกกําลังกายด้วยการวิ่งเพื่อสุขภาพ ผมรับรองว่าถ้าวิ่งได้อย่างต่อเนื่องวันละประมาณ 30 นาที 4-5 วันใน 1 สัปดาห์คุณจะรู้สึกได้ถึงประโยชน์ที่ได้รับอย่างแน่นอน
ส่วนเรื่องการหายใจขณะวิ่ง ถ้ายังไม่เคยวิ่งมาก่อนวันแรกๆ ควรวิ่งช้าๆสลับเดินครับ พอเริ่มเคยชินกับการออกกําลังแล้วร่างกายจะปรับระบบการหายใจได้เอง วิธีวัดง่ายๆว่าวิ่งเร็วไปหรือเปล่าก็คือขณะวิ่งต้องสามารถพูดคุยกับเพื่อนที่วิ่งด้วยกันได

้โดยไม่รู้สึกหอบเหนื่อยจนพูดไม่ออก ถ้าพูดไม่ได้แสดงว่าวิ่งเร็วไปแล้ว

( ยกเว้นเป็นใบ้... อิ อิ )
ลองดูหน้าแรกของ WEB นะครับ มีคําแนะนําดีๆสําหรับผู้เริ่มต้นวิ่งหลายๆเรื่อง ขอให้มีมีความสุขกับการวิ่งนะครับ


จาก : ไข่นุ้ย - 06/06/2001 01:35

ข้อความ : เพิ่มเติมครับ
การหายใจขณะวิ่ง

จังหวะการหายใจควรเป็นไปตามธรรมชาติ อย่าฝืนหรือชะลอจังหวะการหายใจ ขณะวิ่งควรหายใจทั้งเข้าและออก ทางจมูก ต่อเมื่อรู้สึกว่าหายใจไม่พอ จึงหายใจเข้าทางจมูกแล้วปล่อยลมออกทั้งทางจมูกและปากพร้อมกัน แต่ถ้าเหนื่อย มากๆ ก็ใช้การหายใจ ทางปากช่วยเป็นช่วงๆ และควรผ่อนความเร็วลง ตามปกติแล้วเมื่อวิ่งไประยะหนึ่ง จังหวะการหายใจ จะปรับตัวเองให้เข้ากับจังหวะ การวิ่งซึ่งจะเป็นช่วงที่เรารู้สึกว่าวิ่งสบาย
จากบทความน้องใหม่เริ่มวิ่ง

จาก : ไข่นุ้ย - 06/06/2001 05:10

ข้อความ : โห!!!!....หนุ่มตรึมเลยวุ้ยยย....
หวังว่าคุณยุ้ยคงจะได้รับตำตอบที่ต้องการแล้วนะครับ
พักหลังๆนี่ไม่ค่อยมีใครมาตอบกระทู้เลย เงียบกริบเหมือนเป่าสาก...ก็เห็นจะมีกระทู้ของคุณยุ้ยนี่แหละ
จุดประกายความคึก(คัก) ให้กลับมาอีกครั้ง.....อิ...อิ...

จาก : ทอม(สปอร์ตแมน) - 06/06/2001 10:45

ข้อความ : breath any way you can from your mouth your nose from your ears as long as you can breath there no fix rule but 2or 3 step and breath will be enough breath ing should abdomino thorax

จาก : nu - 06/06/2001 12:13

ข้อความ : ข้อความ: เริ่มต้นฝึกวิ่ง ใช้ท้องเป็นเครื่องสังเกตุ หายใจเข้าลึกๆ หน้าท้องจะขยายโป่งออกมา หายใจออกให้มากๆ หน้าท้องจะยุบ (ตามที่อุ้ย -เด็กเชียงใหม่เสนอแนะถูกต้องแล้ว) แต่ต้องระวังให้หลีกเลี่ยงการใช้ปากหายใจ ฝุ่นมาก หายใจทางปากบ่อยๆ จะทำให้เกิดความเคยชิน การหายใจดีที่สุดให้ใช้การหายใจทางจมูกตามธรรมชาติ จะใช้ทางปากหายใจแทนจมูก เมื่อมีความจำเป็นจริงๆ เท่านั้น
ผมขอเสนอการหายใจที่นิยมเรียกกันว่า "วิ่งสมาธิ" หรือ "ฝึกการหายใจก่อนเริ่มฝึกกำลังภายใน" มีความจำเป็นสำหรับนักวิ่งฝึกใหม่ควรทำ คือ ฝึกหายใจเข้าทางจมูก ก้าวขาออก จะเป็นขาซ้าย หรือขาขวาก็ได้ตามถนัด(เช่นก้าวขาซ้าย) หายใจออกทางจมูก ให้ก้าวขาตรงข้ามออก(ก้าวขาขวา) จะมีความรู้สึกว่าวิ่งช้ามาก ถ้าเหม่อลอยจะวิ่งสะดุดขาตัวเองอย่าตกใจ ฝึกไปสักระยะหนึ่งจนเกิดความเคยชิน ให้เพิ่ม เป็นหายใจเข้าก้าวขาสองครั้ง(ก้าวขาซ้าย และขาขวา รวมนับเป็นสองครั้ง) ฝึกไปจนเกิดความเคยชิน จากนั้นให้ท่านเพิ่มการก้าวให้เร็วขึ้น หายใจให้ลึก และช้าลง อย่าไปกลัวว่าจะวิ่งช้า หลีกเลี่ยงการหายใจทางปาก นักวิ่งที่ได้รับรางวัล เขาใช้เวลาฝึกวิ่งบางคนกว่าจะได้รับรางวัลใช้เวลานานมาก 5 - 10 ปี ก็ไม่สายเกินไป
ความเร็วที่ได้จากการวิ่งเกิดจากการที่ร่างกาย ได้รับการฝึกฝนเอา อ๊อกซิเจนไปเก็บไว้ในร่างกาย กล้ามเนื้อ และนำออกมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อยามต้องการใช้! ร่วมกับการศึกษา ค้นคว้าวิธีการวิ่งที่ถูกต้องจาก ผู้รู้ และนักวิ่งที่มีประสบการณ์
เมื่อร่างกายขาด อ๊อกซิเจน จะทำให้เป็นลม ถึงขั้นเป็นอันตราย การหายใจทางปากเป็นเครื่องบ่งบอกถึงร่างกายเริ่มขาด อ๊อกซิเจน สุภาสิตที่ว่า "ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม" นี้ยังใช้ได้อยู่ "สุขภาพ" สำคัญ เมื่อร่างกายพร้อมที่จะวิ่งเร็วแล้ว ร่วมกับการค้นคว้าอ่าน วิธีวิ่งอื่นๆที่ถูกต้องร่วมด้วย ชมรมฯ ของเรา ก็จะได้ "ยุ้ย" เป็นนักวิ่งแนวหน้า ช่วยสร้างชื่อเสียงอีกท่านหนึ่ง
ด้วยความปรารถนาดี
จาก: หมอเขี้ยว

จาก : หมอเขี้ยว - -
limkool@chiangmai.ac.th - 06/06/2001 13:26

 

 
วิธีหายใจของคุณหมอเขี้ยว ดีจริงหรือไม่?
ข้อความ : วิธีหายใจ แบบคุณหมอเขี้ยว ดีจริงหรือ?
ผมได้อ่านถึงวิธีหายใจขณะวิ่งของคุณหมอเขี้ยว เกี่ยวกับการฝึกกำหนดลมหายใจ คือหายใจให้ลึก และผ่อนลมหายใจช้าๆ กำหนดการก้าวเท้าตามจังหวะของลมหายใจเข้า-ออก

ผมอ่านแล้วก็มานั่งคิดเอาเองว่าวิธีแบบนี้ถ้าทดลองทำดูด้วยตัวเอง มันจะเกิดอะไรขึ้นกับการวิ่งของตัวผมเอง แต่เดิมผมจะใช้วิธีหายใจเข้า-ออก ทางจมูกกับปากพร้อมๆกัน จังหวะการวิ่งจะไม่ค่อยสม่ำเสมอ จะสามารถเร่งความเร็วได้เป็นช่วงๆ ช่วงไหนเกิดการหอบหายใจไม่ทัน ก็ต้องผ่อนฝีเท้าให้เบาลง ต้องทำอยู่อย่างนี้สลับไป-มา
ตลอดระยะทางวิ่ง เวลาที่ได้ก็งั้นๆไม่ได้ดีอะไร บางวันเร่งมากไป ก็แทบหมดแรงเพราะหายใจไม่ทัน เหนื่อย และหอบมากๆ

ส่วนตัวผมคิดเอาเองว่าการที่ผมหายใจไม่ทัน เกิดการหอบ คงเป็นเพราะน้ำหนักตัวที่มากขึ้น บวกกับอายุที่เริ่มย่างเข้าสู่วัยฉะกัน(อิ…อิ…) ทำให้การวิ่งของผมไม่สามารถวิ่งได้ดีขึ้น มีแต่จะแย่ลง หรืออย่างดีก็แค่เสมอตัว ก็ได้แต่ทำใจเวลาโดนชาวบ้านเขาวิ่งแซงไป เซ็งจริงๆครับ

ผมทดลองใช้วิธีที่คุณหมอเขี้ยวแนะนำ วันแรกก็มีการเผลอ หายใจทางจมูกผสมไปด้วย การก้าวเท้าก็ยังมีการสับสนตะกุกตะกัก รู้สึกอึดอัดกับจังหวะการหายใจ และการก้าวเท้า ผมต้องตั้งอกตั้งใจคุมสมาธิทำไปเรื่อยๆไม่วอกแวก ก็ทำไปจนจบการซ้อม ผมวิ่งซ้อมวันละ 10-11 กม. ใช้เวลาราวๆ 1.10 ชม.บวก-ลบไม่เร็วว่า 1 ชม. และไม่ช้ากว่า 1.15 ชม.

ในวันแรกที่ผมทดลองทำดู ผมทำเวลาได้ 1.13 ชม. ทั้งๆที่ในความรู้สึกขณะที่วิ่ง รู้สึกว่ามันช้ามาก ติดๆขัดๆแต่ทำไมพอจบการซ้อมเวลาที่ได้ก็ไกล้เคียงกับแต่ก่อน และมีอีกอย่างที่ผมรู้สึกได้ทันทีก็คือผมไม่เหนื่อย-หอบ เหมือนเก่า ทั้งๆที่ใช้เวลาเท่าๆเดิม ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้ทำให้ผมเริ่มสนใจฝึกการหายใจแบบนี้มากขึ้น รู้สึกว่าการหายใจแบบนี้ถ้าฝึกจนร่างกายเคยชินขึ้น การวิ่งของผมน่าจะพัฒนาดีขึ้น(ดีใจมากๆ)

วันต่อๆมาผมเริ่มฝึกหายใจให้ลึกยิ่งขึ้น ก้าวเท้าให้ถี่ขึ้น จากเริ่มต้นที่หายใจเข้า-ก้าวเท้าออก 3 เก้า หายใจออก-ก้าวเท้าออก 3 ก้าว พอเครื่องเริ่มติด ก็หายใจให้ลึกขึ้นอีก และก้าวเท้าเพิ่มเป็น 4 ก้าว จนถึงเวลานี้ ผมทำได้ถึง 5 ก้าวต่อการหายใจเข้า และ 5 ก้าวต่อการหายใจออก ช่วงไหนถ้าเกิดการหายใจไม่ทันก็ผ่อนลงมาเป็น 4 ก้าว
เรื่องเวลาไม่ต้องพูดถึง คนละเรื่องเลย ดีขึ้นมาก แต่ที่ดีที่สุดก็คือร่างกายไม่รู้สึกเหนื่อย-หอบ มากเหมือนเดิม ซึ่งถ้าเป็นแต่ก่อน จะวิ่งให้ได้เวลาแบบนี้ต้องหอบแฮกๆแทบเห็นดาว ตาลายเหมือนจะเป็นลม ทำให้การวิ่งหมดสนุก(กลัวเป็นลมตาย)

สิ่งที่ผมพบว่าเปลี่ยนแปลงไปจากการวิ่งที่ใช้วิธีหายใจแบบใหม่คือ
1.ความเร็วในการวิ่งสม่ำเสมอ กล้ามเนื้อไม่เกิดอาการล้า เนื่องจากขับกรดแลกติกออกไปไม่ทัน
2.สามารถควบคุมความเร็วในการวิ่งได้ดี การเพิ่มหรือลดความเร็วสามารถทำได้เพียงแค่เพิ่ม-ลดจำนวนการก้าวเท้า
3.อัตราการเต้นของหัวใจไม่หนักมาก(ถี่) ทั้งๆที่ใช้ความเร็วเพิ่มขึ้นบางช่วง พบว่ารู้สึกสบายไม่อึดอัดเหมือนแต่ก่อน(แต่ก่อนหัวใจแทบออกมาเต้นข้างนอกให้ได้)
4.ไขมันที่สะสมไว้โดยไม่ตั้งใจ ลดลงจนสังเกตุได้(พุงยุบ) คงเป็นเพราะการวิ่งสม่ำเสมอขึ้น ร่างกายจึงสามารถนำเอาส่วนเกินไปใช้เป็นพลังงานได้ดีกว่าเก่า
5.ภายในลำคอไม่แห้ง ความรู้สึกกระหายน้ำไม่มากเหมือนเก่า
6.มีสมาธิ และมีความสุขมากขึ้น มีความอยากวิ่งมากขึ้น อารมณ์ดีขึ้น ทุกๆอย่างดีขึ้น

ผมขอขอบคุณ คุณหมอเขี้ยวเป็นอย่างมาก ที่แนะนำวิธีการพร้อมทั้งยังได้อธิบายว่าขั้นตอนการทำนั้นต้องทำอย่างไร เดิ๋ยวนี้ผมเข้าใจแล้วครับว่า “ ช้าๆได้พร้าเล่มงาม “ หมายความว่าอะไร

ขอขอบคุณอีกครั้งครับ………


จาก : ทอม(สปอร์ตแมน) - - tom_bigcat@thairunning.com - 12/06/2001 16:13 เก็บกระทู้นี้ ไว้ในที่ส่วนตัวของคุณ

 
ข้อความ : เดี๋ยวผมไปลองมั่ง.. ว่าเป็นอย่างไร..

จาก : เต่าซิ่ง - 12/06/2001 17:48

 
ข้อความ : แฮ่ม! ดีกว่าวิ่งไปคุยไปจริงๆเหรอคะ....ทำได้ไงเนี่ย..ต้องลองบ้างแล้ว....เดี่ยวโดนแซงคืนแน่ๆ ..เอิ๊ก....
คราวหน้าถ้าซ้อมวิ่งยาวอีก ห้ามชวนคุยอิอิ....


จาก : แมวเหมียว - 12/06/2001 18:00

 
ข้อความ : ยินดีกับอาจารย์หมอเขี้ยวที่ปราบหมอผีให้มาพูดจาเป็นที่น่าเชื่อถือได้สำเร็จ

มิน่า แกะจากลายพิมพ์ดูหล่อขึ้นตั้งสองกอง

จาก : มะขามแก้ว - 12/06/2001 18:11

 
ข้อความ : ต๊าย !..เพิ่งเห็นกระทู้ อีตาทอม (สปอร์ตแมน) เรียบโร้ย..ย..เรียบร้อย....วันนี้นี่เอง มีเหตุ มีผล.
และที่สำคัญ อ่านแล้ว นำไปวิ่งพิสูจน์ด้วยตัวเอง
มี การ ซ.ต.พ. ซะด้วย

จาก : รุจิรา - 12/06/2001 18:26

 
ข้อความ : เรื่องการหายใจขณะวิ่งได้อานิสงฆ์จากกระทู้ของคุณยุ้ยที่มา post ถามไว้ มีทั้งคุณหมอเขี้ยวตัวจริง และหนุ่มๆหมอ(ปลอม)เขี้ยว(ลากดิน)เข้าไปให้คําแนะนําไว้จนคุณทอมนําไปฝึกจนบรรลุนิพพาน...แต่เจ้าของกระทู้ตัวจริงหายเงียบไปเลย...
ใครสนใจเปิดดูฉบับสมบูรณ์ได้ที่กระทู้ 331 ครับ

จาก : ไข่นุ้ย - 12/06/2001 20:45

 
ข้อความ : ของสุกี้ทำแบบนี้ (ไปอ่านคำแนะนำของคนอื่นมาอีกทีค่ะ)
เหมือนทำสมาธิเหมือนกันค่ะ คือก้าวเท้าลงพื้น กำหนดใจให้รู้ว่าเท้าไหนลงพื้น ซ้าย-ขวา-ซ้าย สลับกันค่ะ
ทำให้ไม่เหนื่อย วิ่งเพลินดีค่ะ
แต่ก็ว่าจะลองวิธีของคุณหมอเขี้ยวดูบ้าง เอามาเปรียบเทียบกัน

จาก : สุกี้ - 12/06/2001 21:34

 
ข้อความ : แล้วจะมีใครมาชวนคุยและเล่านิทานให้ฟังเวลาวิ่งล่ะคราวนี้ คงจะเหงาน่าดูเลย

ขอชื่นชมคุณทอมค่ะที่มีการพัฒนาการวิ่งตลอดเวลา แล้วจะลอง
พัฒนาการวิ่งของตัวเองดูบ้าง แฮะ..แฮะ....ไม่รู้เมื่อไหร่

จาก : แมวน้ำ - 12/06/2001 22:35

 
ข้อความ : คุณทอมหายใจเป็นแล้วเหรอ คงวิ่งเร็วขึ้นแล้วซิ
แล้วเจอกันที่พัทยาน๊ะครับ จะให้ช่วยฝึกหายใจให้หน่อย
ผมยังหายใจไม่เป็น

จาก : อาปาชี่ - 12/06/2001 22:49

 
ข้อความ : I do not understand his topic.
A question or comment?
Anyhow I followed this technics long time ago, but my pace is so short that make me run so slowly.
K. Tom changed a lot? What happened to his mind?. Is it because of breathing correctly first time in his whole life?

His fat will never be eliminated in the week time in his comment no.4.
Anyhow he looks smart with his remainming fat.

จาก : parinya - 13/06/2001 08:47

 
ข้อความ : ขอบคุณ คุณทอม(สปอร์ตแมน)มากครับ
สำหรับท่านที่สนใจ แต่ไม่สามารถจับสมาธิได้เหมือนคุณทอมฯ ท่านอาจารย์บอกว่า ขณะวิ่งให้ฝึก มองดูทางที่กำลังวิ่ง ด้วยการให้สายตาผ่านสันจมูกตรงไปข้างหน้าที่ต้องการมอง หายใจลึกๆ ช้าๆ ก้าวขาไปข้างหน้าตามจังหวะของหารหายใจ
ท่านที่มีช่วงของการหายใจสั้น หรือรู้สึกว่าต้องหายใจถี่และเร็วขณะวิ่ง โดยเฉพาะเมื่อต้องวิ่งเร็ว อย่าท้อถอยครับ ให้ค่อยๆฝึก สุดหายใจให้ลึกขึ้นที่ละน้อยๆ ค่อยผ่อนลมหายใจออกทางจมูกช้าๆ ใหม่ๆ จะทำให้วิ่งช้าลงไปบ้าง ผมเคยสำลักการหายใจมาแล้วด้วยตนเอง แต่ในที่สุดก็ผ่านไปได้ด้วยดีครับ
มีอุปสรรค และข้อควรระวังคือ "ขณะวิ่งอยู่คนเดียวให้ระวังความคิด" ทางป้องกันคือ ให้หายใจลึกๆ มุ่งมั่นไปที่เป้าหมายเช่นเสาไฟฟ้าต้นข้างหน้า หรือต้นไม้ต้นข้างหน้า ฯลฯ ถ้ามีความกังวลใจมารบกวนมากให้ วิ่งช้าลงแก้ความกังวลนั้นๆก่อน แล้วจึงเริ่มฝึกต่อไปใหม่ ถ้าฝึกไม่ได้ผล ด้วยเหตุประการใด กรุณาแจ้งให้ทราบด้วยครับ
ด้วยความปรารถนาดี


จาก : หมอเขี้ยว - 14/06/2001 11:43

 

เมื่อนักวิ่ง ถูกหมากัด
ข้อความ : ไม่ต้องตกใจครับ คนที่ถูกกัดไม่ใช่ผม แต่เป็นคนที่ผมรู้จัก และก็วิ่งผ่านหน้าบ้านผมประจำ
ก่อนอื่นต้องขอย้อนไปเมื่อหลายเดือนก่อน ที่มีข่าว ว่าเด็กถูกหมาพันธุ์ร็อตไวเลอร์ ขย้ำจนเสียชีวิต เมื่อผมอ่านข่าวและเห็นรูปหมาที่ลงใน นสพ.แล้วก็ตกใจ เพราะบ้านตรงข้าม ก็มีอยู่ 1 ตัว เวลามันเห่าทีเสียงดังน่ากลัว และบ้านแถวนี้ก็มีเด็กอยู่หลายคน

ผมเลยไปบอกประธานหมู่บ้านให้ช่วยเตือนบ้านที่เลี้ยงมันไว้ให้ระวังอย่าให้มันหลุดออกมา โดยเฉพาะตอน ถอยรถ เข้า-ออก

แล้วเรื่องที่เคยกังวลก็เกิดขึ้น เมื่อวานนี้ตอนเย็น พี่คนที่วิ่งประจำก็วิ่งผ่านหน้าบ้านที่มีเจ้าหมาตัวนั้นอยู่ แล้วก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เจ้าของบ้านจะเอารถออก เท่านั้นแหละพอมันออกจากบ้านได้ ก็โดดเข้างับ ช่วงโคนขาซ้ายด้านหลัง กางเกงขาดเลยก็แล้วกัน แต่ก็ยังโชคดีอยู่บ้าง ที่พี่แกวิ่งมาแล้วประมาณ 5 กม. กล้ามเนื้อก็เลยค่อนข้างจะแข็งและตึง ทำให้ไม่เข้า แต่ก็เป็นรอยช้ำรูปฟันบนโค้ง ซัก 10 กว่า ซม. เห็นจะได้

นี่ถ้าเป็นเด็กวิ่งผ่านมาแถวนั้นพอดี อะไรจะเกิดขึ้น แต่พี่เค้าก็ไม่ได้เอาเรื่องอะไร เพียงแต่ให้เป็น case ที่เจ้าของหมาจะต้องระมัดระวังให้มากกว่านี้

ผมวิ่งประจำ ก็ยังโดนมันเห่ากรรโชก อยู่ในบ้าน ประจำเหมือนกัน
ไม่เหมือนหมาไทย วิ่งผ่านครั้ง 2 ครั้ง มันก็ขี้เกียจจะเห่าแล้ว

นี่ผมก็ลองๆ จีบพี่แกเข้าชมรมเราอยู่เหมือนกัน

สรุปแล้ว เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ควรจะซ้อมวิ่งให้หนักเข้าไว้ กล้ามเนื้อขาจะได้แข็งแกร่ง เวลาหมากัด จะได้ไม่เข้าไง...ฮา

จาก : นายยิ้ม - 07/05/2001 21:02

ข้อความ : ผมเอง เวลาวิ่งตอนเย็น ก็เจอหมาไล่ประจำ

ปกติเคล็ดลับ คือถ้าหมาวิ่งเข้ามา แล้วหันหน้าหามัน นี่หมา ไม่กล้าเข้ามากัดนะ มันจะคอยกัดตอนเราหันหลัง เท่านั้น
เค้าถึงเรียกหมาลอบกัดไง :P

ยิ่งวันก่อน ใส่ Adidas Mangostin สีส้มแป๋น ออกไปวิ่ง มันเห่ากันเกรียว เลย ไม่กล้าวิ่งผ่านเลย :P

จาก : -=jfk=- - 07/05/2001 23:06

ข้อความ : ที่หมู่บ้านมีแต่หมาไทยเป็นหลัก หมาฝรั่งส่วนใหญ่อยู่ในบ้าน ยังไม่เห็นร็อตไวเลอร์

แม้นว่าจะเป็นหมาไทย แต่เวลาวิ่งผ่าน ถ้าเป็นเจ้าตัวใหม่ ๆ ที่เพิ่งเข้ามา มันก็จะวิ่งตาม ดิฉันก็จะวิ่งไปอยู่ข้างหน้านายมะขามโดยอัตโนมัติ มีเสียงเอ็ดจากท่านประธานว่า "ก็หมามันเห็นเราวิ่ง มันก็อยากวิ่งเล่นบ้าง เห็นใจมันบ้างสิ (ปัดโธ่) "

ประธานฯ ช่างมีจิตวิทยาเสียจริง ๆ (ไม่ได้ค่าโฆษณานะจ๊ะ)


จาก : มะขามแก้ว - 08/05/2001 06:14

ข้อความ : อ้าววววว ต่อไปต้องสอนเด็กใหม่แล้ว ครับ

จาก " เดินตามหลังผู้ใหญ่ หมาไม่กัด"

มาเป็น " วิ่งนำหน้าผู้ใหญ่ ปล่อยให้ หมากัดผู้ใหญ่แทน"

จาก : -=jfk=- - 08/05/2001 12:00

ข้อความ : เรื่องการป้องกันหมา(dog) กัดนี่ ในกระทรวงฯก็เคยมีการระดมความคิดเพื่อแก้ปัญหานี้เหมือนกัน...มีทั้งแบบ
โหด(ธรรมดาๆ) และแบบโหด(สุดๆ)
โหดอย่างแรกก็คือ จับส่งให้หน่วงงานที่รับจัดการกับหมา
โดยนำไปเจี๋ยน(ตอน)แล้วก็เอาไปปล่อยในที่ๆควรจะปล่อย (เขาลือกันว่า เอาไปปล่อยที่ฟาร์มค็อกคอไดน์ (ผมก็ไม่รู้ว่าฟาร์มอะไร?))
โหดอย่างที่ 2 ก็คือจัดตั้งหน่วยเก็บกวาด+สไนป์เปอร์ ลอบวงายา(เบื่อโลก) แบบนี้ผมรับไม่ได้โดยเด็จขาด
มันโหดร้ายและป่าเถื่อนที่สุด(ขอบอก)
ผมจึงเสนอทางออกที่ไม่โหดร้ายและน่ารัก สำหรับจัดการกับหมาที่ชอบไล่กัดคนเล่นๆเห็นเป็นเรื่องสนุกๆของหมา(เจ้าของหมาไม่สนใจเท่าที่ควร)โดย....
1.จับหมาถอนฟัน+ตัดเล็บให้เกลี้ยงกุดซะ
2.จัดให้มีการตรวจฟันและเล็บทุกๆสัปดาห์ๆละ 1 ครั้ง
3.เพื่อเป็นการคืนกำไรให้หมา จึงควรเตรียมอาหารอ่อนๆ(เพื่อง่ายต่อการกิน) ยกเว้นของขบเคี้ยว
เพียงเท่านี้ปัญหาหมาไล่งับน่องคนก็จะหมดไป ไม่มีการสูญเสียเกิดขึ้นทั้ง 2 ฝ่าย....เอวังด้วยประการฉะนี้....อิ...อิ..

จาก : ทอม(สปอร์ตแมน) - 08/05/2001 13:03

ข้อความ : เวลาวิ่งออกกำลัง ผมใช้วิธีไปวิ่งในสวนสาธารณะครับ แต่ถ้าวันไหน
ออกไปขี่จักรยาน เล่น ต้องค่อยระวังหมาไล่กัดตาม ถนนในซอยต่างๆ
ว่าจะลองใช้ปืนฉีดน้ำ ฉีดดูไม่รู้จะได้ผลหรือไม่ แสดงว่านักวิ่ง กับ
จักรยานสุนัขชอบที่สุด

จาก : runchak - 08/05/2001 15:34

ข้อความ : ในหมู่บ้านที่วิ่งอยู่ก็มีเลี้ยงสุนัขกันเกือบทุกบ้าน แต่โชคดีที่ไม่มีสุนัขตัวไหนไล่กัดนักวิ่งมีแต่เห่ากันเสียงขรมในบ้าน (แต่ไม่แน่ถ้าปล่อยออกมาอาจจะกัดไม่ปล่อยก็ได้) มีบางตัวที่ปล่อยออกมาก็ได้แต่นอนมองคนวิ่งไปวิ่งมาเฉย ๆ มีใครบางคนแนะนำว่า ถ้าเจอะเจอสุนัข
แล้วเราเลือกที่จะวิ่งหนี ถ้าเราวิ่ง สุนัขจะรู้ทันทีว่าเรากลัว และวิ่งกวด เราควรจะหยุดเฉย ๆ และจับตามองสุนัขตัวนั้น ไม่ช้ามันก็จะ
ผละจากเราไป (มันคงจะขี้เกียจจ้องตา) ถ้าไม่ไปให้เราก้มลงทำท่าหยิบก้อนหิน (ต้องระวังอย่าให้สุนัขเข้ามาชิดตัวก่อนที่เราจะก้มตัวลง เพราะสุนัขจะกระโจนเข้ากัดได้) ถ้าเราหยิบก้อนหินได้สุนัขเห็นก็
จะหยุด ค่อย ๆ ยกแขนขว้างก้อนหิน สุนัขจะเกิดความกลัวและหันกลับ แต่ถ้าไปเจอสุนัขเอาเรื่อง เมื่อกว้างก้อนหินไปแล้วก็ถอยหลังไปช้า ๆ พยายามหันหน้าเข้าหาสุนัขเสมอ อย่าให้สุนัขมาใกล้และจะใช้วิธีขว้างก้อนกินอีกครั้งก็ได้ อย่าขว้างที่ตัวสุนัข ให้ขว้างไปแถว ๆ ที่
สุนัขยืนอยู่ มันก็อาจจะเลิกลาไปในที่สุด (มันคงขี้เกียจอยู่)


จาก : แมวน้ำ - 08/05/2001 21:47

ข้อความ : สุนัขแถวๆบ้านพี่แมวน้ำ นี่ขี้เกียจ น่าดูเลยแฮะ...อิอิ

พี่ประธานชมรมเดินวิ่งสุขภาพชัยนาท(ชมรมเดียวกับ "รักวิ่ง รักชัยนาท" ของคุณแมวหง่าวนั่นแหละค่ะ)..ตอนนี้อายุ 72ปีแล้วค่ะ..เวลาซ้อมวิ่ง จะชอบวิ่งไปตามถนน เช่นวิ่งจากศาลากลางจังหวัดไปที่เขื่อนเจ้าพระยา(ราวๆ 10 กิโลเมตร)ก็ต้องผ่านบ้านคนด้วย...เลี่ยงไม่ได้เลยกับสุนัขทั้งหลาย...พี่เค้าเล่าให้ฟังว่า เวลาสุนัขแถวๆนั้นมาหาเรื่อง เราก็ต้องหยุดวิ่งแล้วยืนมองมัน ถ้าเจ้าสุนัขตัวนั้นยังซ่าส์อยู่ ให้ค่อยๆค้อมตัวลง ทำตัวเหมือนมี 4 ขาเหมือนกัน แล้วขู่มันกลับบ้าง...แรกๆ มันจะงงๆ เอ! ตัวอะไรหว่า ตัวใหญ่กว่า ขู่ได้เหมือนกัน แล้วอาศัยจังหวะที่เจ้าสุนัขตัวนี้กำลังงง เห่ามันเลย เดี๋ยวมันก็วิ่งหนีไปเอง พี่เค้าทำจริงๆนะคะ แล้วได้ผลด้วย ตั้งแต่นั้นมาเวลาวิ่งผ่านไปแถวๆนั้น เจ้าถิ่นก็เจ้าถิ่นเหอะ วิ่งกันหางจุกก้น ตัวไหนใจกล้าหน่อยก็แค่นอนหมอบอยู่ที่เดิม....ใครที่พบปัญหาแบบนี้ลองเอาวิธีนี้ไปใช้ดูนะคะ...

อ้อ!ระวังเจอสุนัข นักเลงหัวไม้ ไม่ยอมใคร แล้วมันสู้นะคะ อิอิ

จาก : แมวเหมียว - 10/05/2001 07:25

 

กินแล้ววิ่งได้ไหม

Q : ผิดหรือเปล่าคะที่ดิฉันรับประทานอาหารก่อนแล้วก็ออกไปจ๊อกกิ้ง ความจริงแล้วมันไม่ได้เกิดอาการผิดปกติกับดิฉัน แต่เพื่อนสาวคนหนึ่งบอกว่าฉันอาจป่วยด้วยเหตุนี้ได้

A : เดบรา เวน ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยแมสซาซูเซตส์ อธิบายว่า

“ การออกกำลังทันที หลังรับประทานอาหารจะทำให้คุณเกิดอาการจุกเสียดและคลื่นไส้ได้ แต่ถ้ามันไม่มีผลกับคุณก็ไม่เป็นไรนักหรอก ขณะนี้ยังไม่มีการพิสูจน์ใด ๆ ว่าการกินอาหารก่อนออกกำลังจะทำให้เจ็บป่วย แต่การกินอาหารประเภทโปรตีน และไขมันก่อนออกกำลังจะทำให้กระบวนการย่อยอาหารช้าลง และอาจขัดขวางการออกกำลัง ทำให้คุณไม่เต็มที่ได้ ”

“ ในทางตรงกันข้าม การกินอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรทเล็กน้อยประมาณ 1 –2 ชั่วโมงก่อนออกกำลัง จะทำให้คุณมีพลังมากขึ้นและออกกำลังได้ดีขึ้น ”

“ ทางที่ดีที่สุด ควรกินอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรท และผลไม้เล็กน้อย ประมาณ 1-4 ชั่วโมง ก่อนออกกำลัง และตามด้วยอาหารมื้อเบาๆ หลังจากที่คุณเสร็จสิ้นการออกกำลังแล้ว ”

(จากหนังสือชีวจิต ฉบับที่ 38 เดือน พ.ค.43 )

 

ทำไมต้องมีการลงคอร์ด
ข้อความ : สวัสดีฮะ ผมมีข้อสงสัยอยากจะถามพวกพี่ๆหน่อยฮะในฐานะน้องใหม่ ว่า ทำไมนักวิ่งระยะไกลคือตั้งแต่10กิโลขึ้นไปเนี่ยยังต้องมีการลงคอร์คอีกซ้อมแค่วิ่งยาวอย่างเดียวไม่ได้หรือ

แล้วข้อดีของการฝึกลงคอร์ดคืออะไร..ความถี่ในแต่ละสัปดาห์ควรมีมากน้อยแค่ไหนฮะ

ต้องขอขอบคุณไว้ล่วงหน้าเลยฮะที่ให้ความรู้กับผม.

จาก : เอกกมล - -
redhead@hunsa.com - 24/07/2001 12:16

ข้อความ : ถ้ามีเป้าหายในการวิ่งแบบสนุกสนาน, ก็ยังไม่จำเป็นเท่าไรครับแต่ถ้าวิ่งสักพักแล้วอยากพัฒนาเวลาให้ดีขึ้นและจะทำให้เราวิ่งได้สนุกขึ้น


จาก : หนุ่มเชียงใหม่ - -
phundit@hotmail.com - 25/07/2001 12:44

ข้อความ : สัปดาห์ละครั้งก็เกินพอ เพื่อจะกระตุ้นให้หัวใจ ปอด ตับ ไต ใส้ พุง เคยชินกับการเหนื่อยมาก
จะได้ทำเวลาวิ่งได้ดีขึ้นครับ

จาก : อาปาชี่ - 25/07/2001 15:52

ข้อความ : ลงคอร์ดเพื่อป้องกัการลงพุง เอ้ยเพื่อฝึกความอดทนนะครับ เน่องจากคนที่วิ่งนะมักต้องการชัยชนะ ( แม้แต่ตนเอง ) ดังนั้นเมื่อลงคอร์ดจะทำให้วิ่งได้ดีขึ้น วิ่งเร็วมากขึ้นและวิ่งได้นานขึ้นนะ น่ามาถึงนี้แล้วผิดกะชาวบ้านเขาแล้ววิ่งต่อไปเหอะ ยังมีฟาสแลคคอีกเหนื่อยกว่านะ ออเล่นเวตหรือยกน้ำหนักเพื่อความแข็งแรงของการแกว่งแขน เวลาที่แข่งกะเพื่อนด้วยนะ

จาก : สมชาย - 26/07/2001 19:14