จุดศูนย์ถ่วงของร่างกายในขณะวิ่ง
ย้อนไปเมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ (ถ้าจำไม่ผิดนะครับ) ผมได้ลงบทความเรื่อง
"การแกว่งแขน" เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าท่าวิ่งที่ดีหรือถูกต้อง
ย่อมทำให้เราวิ่งได้เร็วขึ้น นานขึ้น และประหยัดพลังงานได้ดีขึ้น เป็นต้น
จะเห็นว่านักวิ่งแนวหน้าที่วิ่งสวนเรามาในสนามแข่งนะ เขาก็เหนื่อยนะครับ
แต่เขาวิ่งพลิ้วดูเสมือนว่าไม่เหนื่อยท่าวิ่งก็ดูสวยงามมาก
เหล่านี้เกิดจากการฝึกวิ่งที่ถูกต้อง ตั้งแต่ ท่าทางในการวิ่ง โปรแกรมในการซ้อม
เป็นต้น เรามาลองดูนะครับว่า ขณะที่เราวิ่งไปนั้น "จุดศูนย์ถ่วงของร่างกายขณะวิ่ง
(Center of Gravity) " อยู่ตรงไหน ที่ทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ความแตกต่างของระดับจุดศูนย์ถ่วง
ของร่างกายในขณะวิ่งจะเกิดขึ้นมากกว่าในขณะเดินประมาณ 5-6
เซนติเมตร ส่วนปฏิกิริยาของแรงดันย้อนกลับทุกจังหวะที่เท้าสัมผัสพื้น
ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งหรือการเดินก็ตาม จะมีค่าเฉลี่ยใกล้เคียงกัน คือ ประมาณ
2 เท่าของน้ำหนักตัว แต่เนื่องจากการเดินหรือการวิ่งเหยาะ(Jogging)
ก่อให้เกิดปฏิกิริยาของแรงดันย้อนกลับระหว่างเท้ากับพื้นในแนวดิ่งเป็นส่วนใหญ่
ทำให้เกิดแรงกระแทก แรงเสียดทาน
ตลอดจนแรงส่งตัวขึ้นในแนวตั้งมากกว่าแนวเฉียงหรือแนวนอน
เป็นผลให้การเคลื่อนไหวที่ไม่อาจกระทำได้รวดเร็วเช่นการวิ่ง
การที่จุดศูนย์ถ่วงของร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงระดับความสูงต่ำในขณะวิ่ง
ย่อมมีผลกระทบต่อความสมดุลและความมั่นคงในการทรงตัวตลอดจนถึงความเร็วในการวิ่ง
การแกว่งปลายแขนให้เฉียงเข้าหาด้านในของตัวและการปรับมุมลำตัวให้โน้มไปข้างหน้าเล็กน้อย
จึงเป็นการช่วยปรับระดับจุดศูนย์ถ่วงของร่างกายให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและช่วยควบคุมจุดศูนย์ถ่วงให้อยู่ในแนวหรือระดับที่ต้องการ
จะทำให้โอกาสที่จะเสียการทรงตัวขณะเร่งความเร็วในการวิ่งน้อยลงไป
ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่มั่นคงและความเร็วในการวิ่งได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากโปรแกรมฝึกซ้อมที่เหมาะสมแล้ว การsetท่าวิ่งให้ถูกต้องก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่เกื้อหนุนให้
วิ่งได้อย่างสนุกสนาน เร็ว ประหยัดแรงอีกด้วย ลองนำฝึกดูนะครับ ขอบคุณนะครับ
บทความนี้รวบรวมจากหนังสือการฝึกกรีฑา
โดย...ชอนตะวัน 3พ.ค.49