% Set FileObject = Server.CreateObject("Scripting.FileSystemObject") Dir = Request.ServerVariables("SCRIPT_NAME") Dir = StrReverse(Dir) Dir = Mid(Dir, InStr(1, Dir, "/")) Dir = StrReverse(Dir) HitsFile = Server.MapPath(Dir) & "\hitcounter\hits_cause_injury.txt" On Error Resume Next Set InStream= FileObject.OpenTextFile (HitsFile, 1, false ) OldHits = Trim(InStream.ReadLine) NewHits = OldHits + 1 Set OutStream= FileObject.CreateTextFile (HitsFile, True) OutStream.WriteLine(NewHits) %>
Since
14/02/45:
<%
L=Len(NewHits)
i = 1
For i = i to L
num = Mid(NewHits,i,1)
Display = Display & ""
Next
Response.Write Display
%>
สาเหตุการบาดเจ็บ จากกีฬาและการออกกำลัง บทความโดย...น.พ.พล หิรัณยศิริ
การบาดเจ็บจากกีฬาและการออกกำลังมีสาเหตุได้หลาย ๆ อย่าง พอแบ่งจำแนกให้เข้าใจง่าย
ๆ ได้ดังต่อไปนี้
1. จากตัวผู้เล่นเอง
ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญ
โดยยังแบ่งย่อยไปอีกเป็นสาเหตุจากทางกาย, จากทางด้านจิตใจ และจากความรู้ความเข้าใจ
รวมทั้งเรื่องทักษะ รายละเอียดมีดังต่อไปนี้
1.1 สาเหตุจากสภาพของร่างกาย
ซึ่งแบ่งย่อยไปอีกเป็น
ก. จากวัย, เพศ
และรูปร่างไม่เหมาะกับประเภทกีฬา การเล่นกีฬาและออกกำลังโดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสม
แล้วจะเกิดผลร้ายและการบาดเจ็บตามมาได้ง่าย
เช่นรูปร่างเตี้ยล่ำไปแข่งขันวิ่งข้ามรั้ว ผู้ที่สูงเพรียวลมไปเล่นยกน้ำหนัก
ในเรื่องของวัยนั้นก็เป็นเรื่องต้องคำนึงถึงเสมอ
ในวัยสูงอายุถ้าไปเล่นเกมกีฬาที่มีความไวสูง,
มีความหนักหรือใช้เวลานานเกินไปก็จะเกิดอันตรายได้ง่าย
ในเด็กก็เช่นเดียวกันนอกจากต้องระมัดระวังเกมกีฬาที่มีความหนัก,
ความนานที่อาจมากเกินไปแล้ว เด็กยังมีการตัดสินใจไม่ดีพอ
จังหวะการเล่นและเทคนิคจึงผิดพลาดได้บ่อย ๆ
จึงควรมีผู้ควบคุมดูแลขณะเล่นกีฬาบางอย่าง เช่น ยิมนาสติก, ยกน้ำหนัก,
กระโดดค้ำถ่อ, มวย ฯลฯ
ในเรื่องเพศนั้น
ฝ่ายสตรีซึ่งมีธรรมชาติของร่างกายบอบบางกว่าฝ่ายชาย
การตัดสินใจที่มั่นคงเด็ดเดี่ยวก็มีน้อยกว่า
(ทั้งยังมีเรื่องขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมเข้ามาอีก) กีฬาบางชนิดจึงไม่เหมาะกับหญิงนัก
เช่น มวย, รักบี้ฟุตบอล เพราะนอกจากจะมีการเสี่ยงต่ออุบัติภัยสูงแล้ว
ก็ยังไม่ค่อยน่าดูอีกด้วย
ข.
จากสภาพความสมบูรณ์ของร่างกายไม่ดีพอ
สาเหตุนี้เป็นเรื่องสำคัญและเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่ง
เพราะการเล่นกีฬาถ้ามีสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์พอแล้ว
ก็จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายจากความเหน็ดเหนื่อยเปลี้ยล้าตามเกมไม่ทัน,
การทำงานของส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมากเกินไป
ทั้งการโต้ตอบหลบหลีกภยันตรายที่อาจมาถึงได้ก็ช้าลง
สภาพความสมบูรณ์ทางกายที่ไม่ดีอันเกิดจากเคยมีการบาดเจ็บมาก่อน
แล้วรักษาตัวไม่ถูกต้องไม่รอให้หายดีก่อนจึงค่อยเล่นใหม่ย่อมทำให้บาดเจ็บช้ำขึ้นมา
หรืออาจเจ็บมากกว่าเดิมอีก โดยเฉพาะกีฬาที่ต้องปะทะกัน
การมีความสมบูรณ์ทางกายไม่ดีเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น
การพักผ่อนนอนหลับไม่เพียงพอ, โภชนาการไม่ดีหรือไม่ถูกต้อง, เสพสุรา,
บุหรี่และสิ่งเสพติด, ฟิตซ้อมร่างกายไม่เพียงพอ
ในผู้ที่ร่างกายไม่สมประกอบ,
พิการหรือมีโรคประจำตัว (เช่น หืด, ลมบ้าหมู, เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, โรคหัวใจ)
ถ้าเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายไม่ถูกต้องเหมาะสม
ก็ทำให้เกิดอันตรายได้มากจนถึงกับเสียชีวิตก็มี
ค.
ไม่ได้อุ่นร่างกายให้เพียงพอก่อน การเล่นกีฬาโดยไม่ได้อบอุ่นร่างกาย (warm up)
ให้เพียงพอก่อนนั้นเกิดโทษและอันตรายได้จากการที่กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อของร่างกายยังไม่ได้ถูกกระตุ้นให้พร้อมพอที่จะใช้งาน
(ทั้งสภาพจิตใจก็ยังอาจจะไม่ตื่นตัว)
จึงทำให้เกิดการฉีกขาดของกล้ามเนื้อหรือเนื้อเยื่อเกิดการอักเสบหรือเคล็ดขัดยอกได้ง่าย
รวมทั้งการบาดเจ็บต่าง ๆ อันเกิดจากสติสัมปชัญญะที่ยังไม่พร้อมพอนั้น
การเล่นกีฬาจึงไม่ควรเล่นหักโหมทันทีทันใด
ควรมีการอบอุ่นร่างกายให้ถูกต้องและนานพอเสียก่อน
ง. การเล่นเกินกำลังของตนเอง
การเล่นเกินกำลังของตนเอง โดยฝืนเล่น ทั้ง ๆ
ที่เหนื่อยมากแล้วเพราะเกิดความสนุกเพลิดเพลินหรือมีทิฐิจะเอาชนะกันเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายรวมทั้งการป่วยไข้อันเกิดจากการที่หัวใจ,
ปอด และร่างกายเหนื่อยมากเกินไป
ในผู้สูงอายุอาจทำให้เกิดอันตรายจนถึงกับเสียชีวิตได้บ่อย ๆ จากหัวใจวาย
สาเหตุทางกายนี้
มักมาจากสาเหตุทางจิตใจและการขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง
รวมทั้งมีความประมาทร่วมด้วย
1.2 สาเหตุจากสภาพของจิตใจ
ซึ่งยังแบ่งย่อยไปอีกเป็น
ก.
สภาพทางจิตใจไม่พร้อมที่จะเล่น
การจะเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายนั้นสภาพทางจิตใจต้องพร้อมที่จะเล่นหรือปฏิบัติงานจึงจะเล่นได้ดีและเกิดอุบัติเหตุน้อย
ที่เห็นง่าย ๆ คือ ต้องมีสติสัมปชัญญะตลอดเวลาที่จะเล่น
มีความกล้าและการตัดสินใจที่ดีพอ เรื่องทางจิตใจจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ
มากกว่าทางด้านร่างเสียด้วยซ้ำ สภาพจิตใจที่ไม่ปกติแบ่งเป็น
- ไม่มีกำลังใจจะเล่น,
เบื่อหน่าย เช่น ถูกบังคับให้เล่นกีฬาที่ตนเองไม่ชอบ หรือไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะเล่น
มีปัญหาทางด้านการเรียนหรือครอบครัว สติสัมปชัญญะจึงไม่สมบูรณ์เพียงพอ
- มีความกลัว, ความแหยง
นักกีฬาบางคนเคยเจ็บมาก่อน มีประสบการณ์และเกิดกลไกทางจิตใจจนเกิด แหยง หรือ
กลัว เมื่อต้องแข่งขันกับคู่ต่อสู้บางคน
(ที่ตนเองเคยปราชัยหรือขับเคี่ยวกันมาก่อน)
หรือเมื่อต้องลงแข่งในกีฬาบางประเภทที่ตนเคยพลาดพลั้งบาดเจ็บ
อีกสาเหตุหนึ่งของความกลัว, ความแหยงคือ ร่างกายตนยังไม่พร้อมพอ เช่น
เกิดบาดเจ็บกล้ามเนื้อหรือเอ็นบริเวณที่สำคัญและเป็นเรื่องที่แปลกว่ายิ่งกลัวมากยิ่งเจ็บมากโดยเฉพาะกีฬาที่ต้องปะทะกันด้วย
- การมีความตั้งใจมากเกินไป,
เครียดมากไป, กล้าหรือบ้าบิ่นมากไป
เหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุของการบาดเจ็บได้ทั้งสิ้นเพราะสติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์
การตัดสินใจและจังหวะจะผิดพลาดได้ง่าย
ข.
มีสภาพจิตใจผิดปกติในขณะเล่น หรือเล่นอย่างประมาท
สภาพจิตใจที่ผิดปกติขณะเล่นกีฬาหรือออกกำลัง
พบได้บ่อยในเด็กเล็กตลอดถึงวัยรุ่นเพราะได้รับอิทธิพลทางความคิด
การยั่วยุที่โลดโผนแหวกแนว
และรุนแรงมาจากสิ่งแวดล้อมและสื่อสารมวลชนที่ไร้ความรับผิดชอบ
เด็กถึงอาจเล่นกีฬาโดยทำตามแบบอย่างในจอโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ เช่น หกคะเมนตีลังกา,
กระโดดสูง, ยูโด, คาราเต้ และอื่น ๆ โดยความสนุกเพลิดเพลินและรู้เท่าไม่ถึงการณ์
จนเป็นสาเหตุถึงกับทำให้เสียชีวิตอยู่เรื่อย ๆ
เรื่องความประมาทก็เป็นสาเหตุใหญ่อีกเรื่องหนึ่งของจิตใจที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้มาก
ๆ
ส่วนสภาพจิตใจที่ผิดปกติซึ่งเป็นโรคถึงกับต้องห้ามแข่งขัน (ชั่วคราว)
และนำไปรักษาพยาบาลตัวระยะหนึ่งก่อนก็เป็นสิ่งที่พบได้ไม่น้อยนัก
ซึ่งจิตแพทย์จะสามารถบำบัดเยียวยาและช่วยเหลือได้
มิฉะนั้นแล้วคนเหล่านี้อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ตนเองและผู้อื่นเมื่อเขาลงสนามแข่งขัน
1.3
การขาดความรู้ความเข้าใจในวิทยาศาสตร์การกีฬา,
ขาดทักษะความสามารถของแต่ละประเภทกีฬา
ก.
การขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องของวิทยาศาสตร์การกีฬา กล่าวคือ
-
ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาในขณะอิ่มจัด หิวจัด หรือขาดน้ำ
-
ใช้ยากระตุ้นหรือยาโด้ปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จนเกิดเป็นอันตรายได้
-
การเคลื่อนไหวหรือออกกำลังกายโดยไม่เข้าใจหลักของกลศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหว
เช่น ไปฝืนส่วนของร่างกายมากเกินไปทั้ง ๆ ที่ควรจะอ่อนผ่อนตามไปก่อน
การล้มตัวลงไม่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น ยูโด มวยปล้ำ
-
การไม่ใส่เครื่องป้องกันตนในการเล่นกีฬาบางชนิด
กีฬาหลายชนิดควรจะใส่เครื่องป้องกันตนเสมอทั้งในขณะฝึกซ้อมและการแข่งขันมิฉะนั้นจะเกิดอันตายได้ง่าย
โดยเฉพาะผู้ที่ยังขาดประสบการณ์ เช่น
ใส่เข็มขัดกันกระดูกสันหลังเคลื่อนและพันข้อมือในพวกยกน้ำหนัก
ใส่หน้ากากป้องกันในกีฬาดาบสากล ใส่เครื่องป้องกันตามตำแหน่งต่าง ๆ
ในพวกรักบี้ฟุตบอล ใส่ฟันยางในพวกนักมวย
การไม่ใส่เครื่องป้องกันในตำแหน่งจุดอ่อนต่าง ๆ ที่จะเกิดอันตรายได้ยังพบเสมอ ๆ
ในบ้านเรา เพราะติดนิสัย ชอบสบาย- ง่าย ๆ และไม่เป็นไร
-
เรื่องการขาดความรู้ในด้านการอบอุ่นร่างกายที่ถูกต้อง, การเล่นโดยไม่ประมาณกำลังตน
และเล่นกีฬาโดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสมของวัย, เพศ และรูปร่าง
ก็ล้วนแต่เป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์การกีฬาทั้งสิ้น
ในการแข่งขันระดับโลก
(เช่นกีฬาโอลิมปิค) ยิ่งต้องมีความรู้ความเข้าใจในวิทยาศาสตร์การกีฬามาก
เพราะแข่งกันชนิดเอาเป็นเอาตาย สภาพร่างกายจึงอยู่ในจุดอันตรายเหลือเกิน
และโอกาสเกิดอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บก็เป็นไปได้สูง
ข.
การขาดทักษะความสามารถเฉพาะของแต่ละประเภทกีฬา
กีฬาแต่ละประเภทก็ต้องการทักษะความสามารถและคุณสมบัติเฉพาะต่าง ๆ
แปลกแตกต่างกันออกไป
การที่ขาดประสบการณ์มีทักษะและความสามารถไม่พอจะทำให้ตามเกมไม่ทัน,
การตัดสินใจและจังหวะการเล่นผิดพลาด
ทั้งอาจพลาดท่าเกิดอุบัติเหตุจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้มาก
จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่สถิติการบาดเจ็บจากกีฬาพบมากในผู้ที่หัดใหม่,
ผู้ที่อ่อนประสบการณ์
2. จากประเภทและลักษณะของกีฬา
ประเภทและลักษณะของกีฬาบางชนิดก็เป็นสาเหตุโดยตรงของการบาดเจ็บ
ซึ่งขอแบ่งประเภทกีฬาออกเป็น 2 ประเภท
2.1
ประเภทกีฬาที่ต้องปะทะกัน (CONTACT SPORT)
กีฬาประเภทนี้ทำให้เกิดการบาดเจ็บได้มาก ๆ จนถึงกับทำให้ตายหรือพิการบ่อย ๆ
เพราะมีการปะทะกันโดยตรง และกีฬาบางประเภทเองก็มีกติกาให้ทำร้ายคู่ต่อสู้ด้วย (เช่น
มวย) กีฬาเหล่านี้จึงต้องใส่เครื่องป้องกันตัวต่าง ๆ
ทั้งสภาพความสมบูรณ์ของร่างกายต้องดี ร่วมกับการมีทักษะประสบการณ์และใจที่สู้
ตัวอย่างกีฬาที่ต้องปะทะกันทั้งทางตรงหรือโดยทางอ้อมได้แก่ มวย, รักบี้ฟุตบอล,
ยูโด, ฮ๊อกกี้
2.2
ประเภทกีฬาที่ไม่ต้องปะทะกัน (NON-CONTACT SPORT)
กีฬาประเภทนี้แม้จะไม่ทำให้เกิดการบาดเจ็บจากการปะทะกันก็ตาม
แต่การบาดเจ็บก็มีได้มาก ๆ จนถึงตายได้เช่นกัน โดยเฉพาะกีฬาประเภทซึ่ง
- มีความเร็วมาก ๆ
มาเกี่ยวข้อง เช่น จักรยาน, แข่งรถ
- มีความสูงมาเกี่ยวข้อง เช่น
กระโดดค้ำถ่อ, ยิมนาสติก
-
มีความเร็วและความสูงมาเกี่ยวข้อง เช่น สกี, กระโดดร่มผาดโผน
- มีความหนักมาเกี่ยวข้อง
เช่น ขว้างฆ้อน, ยกน้ำหนัก
- มีระยะเวลาที่ค่อนข้างนาน
เช่น วิ่งมาราธอน, แข่งจักรยานทางไกล
-
จากความผิดธรรมชาติของบางประเภทกีฬา เช่น กีฬายิมนาสติก
มีการเล่นห่วงคู่บางท่าเป็นท่ายาก และฝืนธรรมชาติมาก มีโอกาสเกิดอันตรายได้สูง เช่น
ท่ากากบาท, ท่าเรือบิน นอกจากนี้ในกรณีที่เล่นเป็นทีมหรือเล่นประเภทคู่
ก็ยังมีโอกาสบาดเจ็บจากโดนผู้ร่วมเล่นกีฬาเอง (ทั้ง ๆ
ที่เป็นฝ่ายเดียวกันโดยไม่มีเจตนา แต่อาจเกิดความเร่งรีบ)
กล่าวโดยสรุปแล้ว
ทั้งกีฬาชิดต้องปะทะกันและไม่ต้องปะทะกันหากเป็นการเล่นเพื่อการแข่งขันแล้ว
อาจจะทำให้บาดเจ็บจนถึงกับพิการหรือเสียชีวิตได้ แต่ถ้าเล่นกันเพื่อสุขภาพแล้ว
โอกาสบาดเจ็บจะพบได้น้อยลง หรือพบก็มักไม่รุนแรงนัก (ยกเว้นกรณีอุบัติเหตุ
หรือเล่นอย่างประมาท)
3. เครื่องแต่งกาย อุปกรณ์
และสนามแข่งขัน
3.1
เครื่องแต่งกายสำหรับเล่นกีฬา ควรให้รัดกุม สั้นหรือยาวถูกต้องกับประเภทกีฬา
เครื่องแต่งกายที่รุ่มร่ามนอกจากทำให้เล่นกีฬาและออกกำลังกายไม่สะดวกแล้ว
ยังเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายโดยเฉพาะประเภทกีฬาที่ต้องใช้ความเร็วและความไวสูง
เครื่องแต่งกายที่ดีถูกต้องจะช่วยในการเล่นกีฬามากกล่าวคือ ควรต้องเบา
ทำด้วยวัสดุโปร่ง สามารถถ่ายเทอากาศและความร้อนได้เป็นอย่างดี
(เสื้อผ้าที่ไม่สามารถทำให้เหงื่อระบายออกได้ดีแล้วจะทำให้เกิดความอึดอัดขณะเล่น ,
เหนื่อยเร็ว และเกิดอันตรายจากความร้อนเกินในร่างกายได้)
ถุงเท้าและรองเท้า
ถุงเท้าช่วยลดความเสียดสีระหว่างขอบหรือพื้นรองเท้ากับตัวเท้า
ทำให้การเคลื่อนไหวเป็นไปได้ดียิ่งขึ้น จึงควรเลือกใช้ให้ถูกต้องกับงาน
รองเท้าเป็นเรื่องสำคัญมากในการเล่นกีฬาเกือบทุกประเภท
การใช้รองเท้าไม่ถูกกับประเภทกีฬา
ทำให้ร่างกายขาดความมั่นคงในการทรงตัวและการเคลื่อนไหวของเท้าไม่คล่องแคล่วเท่าที่ควร
รองเท้าที่ไม่ถูกต้องจึงทำให้เกิดอุบัติเหตุง่าย ก่อนลงเล่นหรือก่อนแข่งขัน
จึงควรตรวจดูรองเท้า พื้นรองเท้า, ปุ่มหรือตะปูของรองเท้าให้เรียบร้อยก่อน
การใช้รองเท้าใหม่ที่ยังไม่เคยชินต้องระวังมากเพราะนอกจากจะโดนรองเท้ากัดจนไม่สบายเท้าแล้ว
การเกิดอุบัติเหตุก็ยังมีได้มากขึ้นกว่าเดิม
3.2 อุปกรณ์การเล่นกีฬา
ต้องมีขนาดและน้ำหนักเหมาะสมกับสภาพและวัยของผู้เล่น
มิฉะนั้นจะเป็นสาเหตุของการบาดเจ็บได้ไม่น้อยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น
ในเด็กที่ยังเล็กอยู่แต่ใช้ลูกบอลขนาดและน้ำหนักมากเกินไป
บาณเดี่ยวและบาร์คู่ก็ต้องมีส่วนสูงและช่วงกว้างระหว่างตัวบาร์ตามขนาดของเด็กมิฉะนั้นจะเกิดการพลาดหลุดมือได้บ่อย
อุปกรณ์การเล่นกีฬาของเด็กก็ต้องเหมาะกับตัวด้วยเช่น ขนาดด้ามของไม้แรคเก็ต
ควรมีกริฟ (GRIP) ให้เหมาะกับมือ
อย่างไรก็ตาม
อุปกรณ์กีฬาก็ก่อให้เกิดการบาดเจ็บได้เสมอ ๆ
ไม่ว่าจะเป็นกีฬาที่ต้องปะทะกันหรือไม่ปะทะกันก็ดี เช่น กรณีถูกลูกเทนนิส, ลูกขนไก่
หรือลูกฟุตบอลอัดเข้าที่บริเวณใบหน้าหรือลำตัว
ซึ่งอุปกรณ์การเล่นกีฬาเกือบทุกชนิดอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ทั้งสิ้น
ถ้าใช้อย่างไม่ระมัดระวังและอาจเป็นอันตรายถึงกับทำให้เสียชีวิตหรือพิการได้เพราะอุปกรณ์กีฬาบางอย่างก็ร้ายแรงหรือมีความหนัก
เช่น ลูกปืน , ลูกธนู, ตุ้มน้ำหนัก
ปัจจุบันเรื่องดังกล่าวลดน้อยลงเพราะมาตรการการป้องกันต่าง ๆ
รวมทั้งการให้ความรู้ความเข้าใจเป็นไปอย่างถูกต้องรัดกุมมากขึ้น
ส่วนเรื่องอุปกรณ์เครื่องป้องกันไม่ให้บาดเจ็บนั้นได้กล่าวไว้ในตอนต้นแล้ว
3.3 สนามกีฬา โรงยิม
และอุปกรณ์ของสนาม สนามกีฬาถ้าไม่ถูกต้องตามที่ควรเป็นแล้วทำให้เกิดการบาดเจ็บได้
เช่น สนามไม่เรียบ ขรุขระ มีหลุมบ่อ หรือมีวัสดุที่เป็นอันตรายอยู่
พื้นของสนามหรือลู่แข่งไม่เหมาะกับประเภทของกีฬา
โรงยิมฯ หรือห้องเล่นกีฬา
พื้นถ้าลื่นเกินไป, มีแสงสว่างไม่เพียงพอ,
ลักษณะของห้องและการถ่ายเทอากาศไม่เหมาะสมเป็นสิ่งที่ล้วนทำให้มีอุบัติเหตุตามมาทั้งสิ้น
สระว่ายน้ำ
ถ้ามีความลึกไม่ได้มาตรฐานในสระโดดจะเกิดอันตรายได้ง่าย
สระว่ายน้ำที่มีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก ๆ ต้องมีมาตรการต่าง ๆ
ในเรื่องความปลอดภัยถูกต้องด้วย
อุปกรณ์ของสนามหรือโรงยิมเป็นเรื่องจุกจิกและมักถูกมองข้ามไป เช่น
เบาะหรือฟูกมีความหนาไม่พอ เบาะไม่เรียบ มีรอยฉีกขาด
มีช่องว่างระหว่างรอยต่อของเบาะ (ทำให้เท้าตกหรือพลิกล้มได้ง่าย)
การเล่นยิมนาสติกก็ต้องมีแป้งโรยมือเพื่อกันลื่น,
พวกขว้างฆ้อนก็ต้องมีตาข่ายเหล็กป้องกันตามแนวที่กำหนดไว้
อุปกรณ์ที่ติดตั้งไว้ในสนามหรือโรงยิมก็ควรมีการตรวจเช็คเสมอ ๆ
ในบริเวณบางแห่ง
อาจจำเป็นต้องมีการปิดล็อคสถานที่เพื่อป้องกันการแอบไปเล่นเอง
อันอาจนำมาซึ่งอุบัติเหตุได้ง่าย สถานที่ดังกล่าวเช่น สระว่ายน้ำ, โรงยิมฯ
ซึ่งมีอุปกรณ์ทางยิมนาสติก, เตียงสปริง (TRAMPOLINE)
4. สาเหตุการบาดเจ็บจากปัจจัยอื่น ๆ
สาเหตุอื่น ๆ
ที่ทำให้บาดเจ็บจากกีฬายังมีอีกมากมาย เช่น
4.1
ตารางการฝึกซ้อมไม่เหมาะสม การฝึกซ้อมที่ไม่เหมาะสมเช่นซ้อมไม่สม่ำเสมอ
ทำบ้างหยุดบ้าง ทำไม่ได้ผล การฝึกไม่ดีพอ,
การฝึกซ้อมที่หักโหมมุ่งที่จะให้ผลสมใจเร็ว ๆ
โดยเฉพาะเมื่ออยากให้ได้ชนะแต่มีช่วงเวลาเก็บตัวน้อย
ตารางฝึกซ้อมที่ไม่ดี
ขาดความรู้ จะทำให้นักกีฬางุนงงเบื่อหน่ายจนถึงอาจเกิดอันตรายได้
ตารางการฝึกซ้อมจึงควรทำโดยอาศัยหลักของวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาช่วยเพื่อจัดให้เหมาะสม
อันไหน ก่อน-หลัง
ซึ่งการฝึกซ้อมด้านกำลังและความอดทนกับฝึกเรื่องทักษะเฉพาะของกีฬานั้นต้องจัดให้ไปด้วยกันได้จึงจะทำให้การฝึกเกิดประสิทธิภาพผลมากที่สุด
การฝึกซ้อมน้อยเกินไปมากเกินไปหรือฝึกซ้อมไม่ถูกต้องล้วนก่อให้เกิดโทษทั้งสิ้น
(การฝึกซ้อมมากเกินไปทำให้เกิด Over training Syndrome, Exertional injuries)
4.2 สภาพภูมิอากาศ
สิ่งแวดล้อม
สภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดบาดเจ็บได้เช่นกัน
เพราะทำให้ร่างกายและจิตใจไม่พร้อมที่จะเล่น เช่นหนาวเกินไป หรือฝนตกหนัก
กีฬาซึ่งต้องเล่นกลางแจ้งเช่นฟุตบอล รักบี้ฟุตบอล กรีฑา
จึงได้รับผลโดยตรงจากสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม
บางครั้งการมีหมอกควันมากก็ทำให้เกิดปัญหาบ่อย ๆ และเล่นพลาดจนเกิดอันตรายได้
กีฬาในร่มเอง
สภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมก็สำคัญเช่นกัน เช่น สภาพของโรงยิม ที่เล่นกีฬาในร่ม
ซึ่งไม่มีอากาศถ่ายเทเลยเพราะไม่สามารถทำให้มีกระแสลมพัดผ่านก็ทำให้ร้อนอบอ้าวได้มาก
ๆ เช่น สถานที่เล่นแบดมินตัน, เทเบิลเทนนิส
(ทั้งนี้ยกเว้นสถานที่ซึ่งมีเครื่องปรับอากาศ อันตรายอาจเกิดจาก
ความหงุดหงิดจากการเหนื่อยหรือจากความร้อนมากเกินไปที่สะสมในร่างกายจนทำให้เป็นลมหรือเป็นอันตรายได้
นอกจากนี้
ภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมที่ผิดแปลกแตกต่างไปจากบ้านเมืองของเรา เช่น
แมกซิโกซึ่งอยู่ในที่สูงกว่าระดับทะเลมาก ๆ ก็ล้วนแต่เป็นปัญหาต่อระบบต่าง ๆ
ในร่างกาย โดยเฉพาะระบบหายใจและไหลเวียน การฝึกซ้อมมาก ๆ
หรือแข่งขันในขณะที่ร่างกายยังไม่เคยชินหรือปรับตัวได้ยังไม่ดีย่อมทำให้เกิดอันตรายได้ตั้งแต่น้อย
ๆ จนถึงมาก ผู้ที่จะไปแข่งขัน ณ ต่างประเทศจึงต้องไปก่อนวันแข่งสักระยะหนึ่ง
(ที่ดีควรไปก่อน 1 สัปดาห์ก่อนวันแข่ง)
เพื่อให้ร่างกายสามารถฝึกซ้อมและปรับสภาพได้เหมือนเดิม
4.3 จากผู้ร่วมแข่งขัน,
ผู้ตัดสิน-ผู้กำกับเส้น, ผู้ฝึกสอนและโค้ช
ก. ผู้ร่วมแข่งขัน
ทำให้เกิดการบาดเจ็บได้มาก ๆ ไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่ก็ตาม
ซึ่งได้กล่าวไว้แล้วในเรื่องของบาดเจ็บจากประเภทกีฬา
ข. ผู้ตัดสิน-ผู้กำกับเส้น
การเล่นกีฬานั้นทุกคนก็ล้วนแล้วแต่ต้องการชัยชนะทั้งสิ้น
จนบางครั้งถึงกับเล่นตุกติก จงใจฝ่าฝืนกฏกติกา ถึงขนาดเข้าทำร้ายกันก็มี
ซึ่งถ้าผู้ตัดสินตามเกมไม่ทัน
ผู้ตัดสินที่อ่อนในการตัดสินใจหรือขาดความเคร่งครัดในกฏระเบียบ ขาดประสบการณ์
หรือลำเอียงแล้วย่อมทำให้อีกฝ่ายเกิดความคับแค้นจนเกิดการต่อสู้ปะทะกันรุนแรงขึ้นได้
ผู้ตัดสินกีฬาและผู้กำกับเส้นจึงมีส่วนสำคัญยิ่งเสมอในกีฬาทุกประเภท
โดยเฉพาะกีฬาประเภทปะทะกัน เช่น มวย, ฮ็อกกี้ รักบี้ฟุตบอล
ค. ผู้ฝึกสอน,
โค้ชหรือครูทางพละศึกษา
การออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาบางอย่างจำเป็นต้องมีผู้ฝึกสอนหรือผู้ควบคุมดูแลคอยสอนและช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดเพราะอาจเกิดอันตรายได้ง่ายในเกือบทุกขณะ
เช่น การฝึกสอนด้านยิมนาสติก, มวย, มวยปล้ำ, ว่ายน้ำ
ถ้าผู้ฝึกสอนหรือครูพลศึกษาไม่เอาใจใส่เท่าที่ควรแล้วอุบัติเหตุก็เกิดตามได้ง่าย
ทั้งผู้ฝึกสอนและครูพละศึกษาไม่ควรปล่อยให้เด็กว่ายน้ำตามลำพังเพราะเกิดเหตุร้ายถึงจมน้ำตายได้บ่อย
ๆ
4.4 ผู้ดู-ผู้ชมกีฬา
ผู้ดูก็มีส่วนทำให้นักกีฬาเกิดการบาดเจ็บได้เช่นกันโดยเฉพาะกลุ่มผู้เดือดร้อนหรือผู้ดู-ผู้ชม
ซึ่งยังเด็กหรือวัยรุ่นอยู่ยิ่งเป็นแข่งขันที่ดุเดือดตื่นเต้น เช่น ชิงแชมป์โลก
การแข่งขันระดับชาติด้วยแล้วยิ่งทำให้เกิดการกระตุ้นเร้าได้มาก
สาเหตุต่าง ๆ
ที่ทำให้ผู้ดูก่อเหตุร้ายได้นั้น กล่าวคือ
-
ไม่พอใจที่ฝ่ายตนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดยเฉพาะถ้ามีผลประโยชน์หรือการพนันบางอย่างเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ซึ่งบางทีเกิดจากสภาวะทางการเมืองร่วมด้วย เช่น เป็นประเทศคู่อาฆาตหรือคู่แข่ง
-
เห็นว่านักกีฬาฝ่ายตนได้รับความอยุติธรรมจากการเล่น เช่น
เห็นว่ากรรมการเข้าข้างอีกฝ่ายหนึ่งหรือเห็นอีกฝ่ายหนึ่งเล่นเอาเปรียบฝ่ายตนแล้วกรรมการตามเกมไม่ทัน
- โกรธแค้นนักกีฬา (ฝ่ายตน)
ว่าเล่นไม่สมศักดิ์ศรีหรือเล่นเหมือนมีอะไรที่สกปรกซ่อนเร้นแอบแฝงอยู่ เช่น
ต้องการล้มบอล, ล้มมวย เป็นต้น
การบาดเจ็บจากผู้ดู-ผู้ชมในปัจจุบันพบได้บ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้นจนบางท่านถึงกับพกระเบิดขวดขว้างปาเข้าไปในสนามเลยก็มี
ทั้งนี้เพราะจากสภาพสังคมสิ่งแวดล้อมที่เน้นความรุนแรงมากขึ้น
(โดยเฉพาะสื่อสารมวลชน)
ความเป็นอยู่ที่รีบเร่งขึ้นและศีลธรรมจรรยาที่นับวันจะหดหายลงทุกทีจนแม้กระทั้งคำว่า
รู้แพ้-รู้ชนะ-รู้อภัย ซึ่งผู้ดูกีฬาที่ดีก็ควรจะมีด้วยแต่ก็ไม่มีหรือมีน้อยลงไป
เราจึงได้ยินคำแสลงหูบ่อย ๆ ขณะไปชมกีฬา เช่น คำว่า ราวี-ราวี
4.5 ผู้ปกครอง พ่อแม่
หรือญาติของนักกีฬาก็มีส่วนหรือเป็นสาเหตุให้นักกีฬาบาดเจ็บได้โดยตรงหรือโดยทางอ้อม
โดยเฉพาะในรายที่ยังเป็นเด็กเล็ก หรือวัยรุ่นอยู่ เช่น
ยั่วยุให้เด็กเล่นหรือฝ฿กซ้อมมากเกินกำลังเนื่องจากหวังในตำแหน่งชนะเลิศ
ความอยากมีหน้ามีตา อยากให้ลูกของตนเด่น เหล่านี้เป็นต้น
จะเห็นว่าสาเหตุของการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาและออกกำลังกายนั้นมีได้หลาย ๆ ทาง
จึงอยากให้คำขวัญสั้น ๆ อันหนึ่งไว้เตือนใจเสมอว่า เล่นกีฬาอย่าประมาท
ถ้าพลาดพลั้งจะเสียใจ
จาก
วารสารสุขภาพสำหรับประชาชน
ของแพทยสมาคมและแพทยสภา