นอน..........ไม่หลับ(เล้ย)

 

โดย...ทนายวิจิตร

 

เรื่องการนอนของมนุษย์เรานี่ สำคัญมาก มันเป็นเรื่องลึกลับน่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง การนอนหลับมันจะอยู่คู่กับมนุษย์มาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่, ระหว่างมีชีวิตอยู่ จนกระทั่งถึงวาระสุดท้าย นั่นก็คือ….หลับชั่วนิจนิรันดร์

ถึงแม้ว่ามันจะอยู่คู่กับเราตลอดมา แต่ก็ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ แม้นักวิทยาศาสตร์ก็ยังรู้ไม่หมด ศึกษาไม่กระจ่างและยังพยายามศึกษา วิจัยกันอยู่

ส่วนที่ผมจะเขียนถึงต่อไปนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับ การนอนไม่หลับของนักกีฬาจะมีผลต่อการแข่งขันหรือไม่ ซึ่งผมได้เคยเขียนลงในนิตยสารรันนิ่งสมัยเมื่อสิบกว่าปีมาแล้วและได้เขียนอย่างนักกีฬา ไม่เจาะลึกแบบวิชาการอย่างนักวิทยาศาสตร์

โดยทั่วไปแล้วนักกีฬามักจะไม่ค่อยมีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาเพื่อการแข่งขันหรือเพื่อสุขภาพ จะมีบ้างก็ต่อเมื่อเกิดอาการเครียด วิตกกังวลหรือ Overtraining หรือเหตุอื่นใดที่มากระทบ ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ

ปัญหาของการนอนไม่หลับเลย(ทั้งคืน)นี้ จะส่งผลกระทบต่อการแข่งขันกีฬาของเราหรือไม่ โดยเฉพาะรายการหนักๆ เช่น วิ่งมาราธอน ไตรกีฬา เป็นต้น …..นี่เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย…..หลายคนคงอยากจะรู้

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2532 ….(12 ปีมาแล้วครับ) ผมได้ไปร่วมวิ่ง “เขาสามมุกฮาล์ฟมาราธอน” ที่ชายหาดบางแสน ผมได้ไปเช่าบังกะโลริมหาดของโรงแรมบางแสน ใกล้จุดปล่อยตัว(ไม่รู้ปัจจุบันยังอยู่หรือไม่) เพื่อนอนในคืนวันเสาร์ที่ 17 บรรยากาศทั่วไปโดยรอบเท่าที่เห็น ทำให้ผมเกิดความรู้สึกคึกคักและมีความสุขมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผมได้ทำการฝึกซ้อมมาเป็นอย่างดีเพื่องานนี้โดยเฉพาะ และได้ตั้งใจไว้ว่า จะทำเวลาให้ดีที่สุด

หลังจากไปนั่งกินอาหารทะเลอร่อยๆริมหาดและเดินทอดน่องยามเย็นไปตามความยาวของชายหาดเพื่อเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อและเติมพลังให้จิตใจแล้ว ผมก็เดินกลับไปที่บังกะโลเพื่อเตรียมตัวเข้านอนแต่หัวค่ำ คิดในใจว่า จะพักผ่อนให้เต็มที่ เพื่อความพร้อมที่จะทำลายสถิติเดิมของตนเองในวันรุ่งขึ้นให้สมความตั้งใจที่ได้ทุ่มเทให้กับการฝึกฝน

ช่วงที่เดินกลับก่อนถึงบังกะโลหลังที่ผมเช่าพัก ผมเดินผ่านบังกะโลหลายหลังที่บรรดานักกีฬาที่มาจากหลายๆจังหวัดต่างก็กำลังขนของเข้าพัก ส่วนอีกหลังหนึ่งที่อยู่ใกล้กับของผม ห่างกันไม่ถึง 30 เมตร มองไปเห็นหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งประมาณยี่สิบคนกำลังกุลีกุจอจัดโน่นทำนี่คล้ายๆจะจัดสถานที่เตรียมงานปาร์ตี้อะไรสักอย่าง….ไม่ใช่พวกเราแน่ ผมคิด

ทุกอย่างยังเงียบสงบสมกับเป็นสถานที่พักตากอากาศจริงๆ        ผมเอนตัวลงนอนเมื่อเวลาหนึ่งทุ่มพอดี ช่วงที่ยังไม่หลับ สมองก็วาดมะโนภาพเส้นทางการแข่งขัน วางแผนในใจว่า ช่วง 5 กิโลเมตรแรกจะวิ่งไปเรื่อยๆให้เครื่องติดก่อน เพราะผมมันประเภทเครื่องดีเซล จากนั้นจะเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆและเมื่อถึงช่วงขึ้นเขาสามมุกผมจะใส่เต็มกำลัง เพราะชอบและถนัดมากในการวิ่งขึ้นภูเขา

 จากนั้นจะอัดเต็มเหนี่ยวเมื่อลงสู่ทางราบเลียบชายหาดก่อนเข้าเส้นชัย สำหรับเวลานั้นจะเป็นเท่าใดก็ช่างมัน แต่ต้องเต็มพิกัด….คาดว่าไม่น่าจะต่ำกว่าสถิติเดิมที่เคยทำไว้ที่แม่น้ำแควแน่นอน แม้ที่เขาสามสุขนี่จะต้องวิ่งผ่านขึ้นภูเขาก็ตาม…ขึ้นเขาของชอบ

พอคิดวางแผนเสร็จกำลังเคลิ้มๆจะเข้าสู่การหลับขั้นที่ 1 (นักวิทยาศาสตร์เขาแบ่งการหลับออกเป็น สี่ห้าขั้นครับ ขั้นสุดท้ายคือ Delta Sleep – หลับลึก) เสียงเพลงแรกจากเครื่องสเตริโอก็ดังขึ้น ลุกขึ้นไปมองทางหน้าต่างก็รู้ว่า มันดังมาจากบังกะโลหลังติดกันที่พวกหนุ่มสาวยี่สิบคนเช่าอยู่ คิดในใจว่า ดีเหมือนกันมีคนมาเปิดเพลงกล่อม…ขอบใจนะน้อง

เพลงที่เจ็ดที่แปด เสียงกลับดังขึ้นๆเรื่อยๆสลับกับเสียงตะโกนเพลง…Happy birthday to you…….Happy birthday to you…….Happy birthday to you…Happy birthday to you นอกจากเสียงร้องตะโกนแล้วยังประสานด้วยเสียงเคาะแก้ว เคาะขวด เคาะโลหะอีกด้วย ….พอแหกปากตะโกนกันเหนื่อยก็สลับด้วยการเปิดเพลงจากสเตริโอดังลั่น

บัดนี้ผมก็ถึงบางอ้อ…พวกนี้เขามาจัดงานวันเกิดท่ามกลางบรรยากาศ การพักผ่อนหลับนอน เพื่อเตรียมการวิ่งแข่งขัน “เขาสามมุข ฮาล์ฟมาราธอน” ของบรรดาพวกเรานักวิ่งจากทั่วประเทศ

ซวยจริงๆกู……ผมรำพึงในใจ พวกนักวิ่งคนอื่นเขาโชคดีที่เช่าหลังที่อยู่ไกลพวกนี้ ป่านนี้เขาคงหลับสบายกันแล้ว ผมลุกขึ้นเปิดไฟแล้วเดินออกไปที่ระเบียงยืนมองดู คิดในใจว่า พวกนี้คงจะมีใครสักคนหันมามองทางผมบ้าง จะได้เกิดอาการเกรงใจผู้อื่นแล้วเงียบเสียงรบกวนลงบ้าง

เริ่มเมาซะแล้ว…….ไม่สนใจผู้ใด ใครจะเดือดร้อน….ไม่สน……กูสนุก สะใจในกลุ่มของกูเท่านั้น

ผมเดินกลับมาที่เตียง ปิดไฟ นอนคิดปลอบใจตัวเอง เดี๋ยวมันก็เหนื่อยเมาหลับกันไปเอง นอนฟังมันไปเรื่อยๆ ว่าแล้วก็นอนแผ่ให้กล้ามเนื้อทุกส่วนผ่อนคลาย

ที่ไหนได้คราวนี้หนักกว่าเก่า มีการร้อง HAPPY BIRTHDAY TO YOU ดังกว่าเก่า แถมยังจุดประทัดอีกต่างหาก ผมทนไม่ได้อีกแล้ว รีบยกหูโทรศัพท์ไปที่เจ้าหน้าที่โรงแรมเพื่อร้องทุกข์และหากไม่เป็นผลก็จะขอเปลี่ยนบังกะโลหรือไปพักห้องอื่นในตัวอาคารโรงแรม เจ้าหน้าที่บอกเต็มหมดเลยพี่…..แต่จะให้เจ้าหน้าที่ไปเตือนเด็กพวกนั้น

ผมก็เริ่มคลายใจ นอนรอผลในทางที่ดี ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว ประมาณหนึ่งชั่วโมงหลังจากโทรศัพท์ไป แทนที่จะมีอะไรดีขึ้น เสียงกลับดังกว่าเดิม ประทัดหมด แต่เสียงเคาะโลหะ เคาะขวดประสานกับเสียงตะโกน HAPPY BIRTHDAY TO YOU ยังเหมือนเดิม ผมยกหูโทรศัพท์ไปหาเจ้าหน้าที่คนเดิมอีก เขาตอบว่า ได้ไปบอกพวกนั้นให้เงียบเสียงลงแล้ว ผมบอกว่า พวกมันยังส่งเสียงดังรบกวนเหมือนเดิม ผมนอนไม่หลับเลย พรุ่งนี้จะต้องวิ่งแข่งด้วย ขอให้เขาช่วยหน่อย เขาบอกว่า ไม่รู้จะช่วยยังไง บอกมันแล้วมันก็เฉย มันก็เป็นลูกค้า ผมก็เป็นลูกค้า ทุกคนเป็นแขกของโรงแรมมาพักเพื่อท่องเที่ยว เขาเป็นพนักงานผู้น้อย ขืนทำอะไรลงไป หากพวกนี้เป็นลูกเจ้านายคนใหญ่คนโต เขาต้องตกงานแน่นอน ขอให้เห็นใจเขาด้วย

แทนที่ผมจะเป็นฝ่ายขอความเห็นใจจากเขา กลับกลายเป็นว่า พนักงานโรงแรมมาขอความเห็นใจจากผม…..เวรกรรมของผมจริงๆ

อย่ากระนั้นเลย….ปลงซะเถอะ

กูไม่ได้มาวิ่งแข่งเพื่อทำลายสถิติโลกนี่หว่า… ผมคิดในใจ …มาวิ่งเพื่อสุขภาพเท่านั้น นอนไม่หลับก็ช่างมัน พรุ่งนี้วิ่งไม่ไหว กูก็เดินได้ ถือซะว่า มาเดินเล่นเขาสามมุข ชายหาดบางแสน นอนฟังเพลงมันต่อไป แถมร้องคลอมันไปด้วย ให้สะใจในความซวย ถูกหวยของตนเอง พอพวกมันตะโกนเพลง Happy birthday to you Happy birthday to you

Happy birthday to you ผมก็นอนร้อง หม่าจะเกิด ชิงหม๊าเกิด…..หม่าจะเกิด ชิง

หม๊าเกิด…..หม่าจะเกิด ชิงหม๊าเกิด

ครับ….คืนนั้นหากเลือดบ้าของผมขึ้นถึงจุดและไปยืนร้องที่ระเบียงสวนกับพวกมัน มีหวัง รุ่งขึ้นไม่ต้องวิ่งแล้ว …..ดีว่า วันนั้นผมพกความเป็นนักกีฬาไปเต็มกระเป๋า หากพกความเป็นนักเลงไปด้วยละก้อ ถ้าผมไม่เข้าไปอยู่ในคุก ก็คงจะลงไปนอนอยู่ในหลุมแน่

ร้องคลอไปมา ยกนาฬิกาขึ้นดู ตีสามเข้าไปแล้ว พอเสียงเพลง Happy birthday to you สงบเงียบหายไป กลับกลายเป็นเสียงด่าทอ เอาพ่อแม่มาพาดพิงทะเลาะกัน     แล้วทีนี้

นี่คือสัจธรรมของพวกที่ดื่มสุราเมรัยจนเมามาย แก้วที่หนึ่งผ่านไปก็รักกันดูดดื่ม ขวดที่หนึ่งผ่านไป ความสามัคคีก็แน่นแฟ้น โหลที่หนึ่งผ่านไปเริ่มทะเลาะเบาะแว้ง พอมาถึงขวดที่สิบสาม…ก็ฆ่ากันเลย

ผมภาวนาขอให้มันฆ่ากันซะจะได้เป็นอุทธาหรณ์ให้คนทั่วไปได้รู้พิษสงของ….ความเมา แต่แรงภาวนาของผมก็ไม่เกิดผล ทุกอย่างเงียบสงบลง ยกนาฬิกาขึ้นดูตีห้าครึ่งได้เวลาตื่นพอดี ผมลุกขึ้นจากเตียงเข้าห้องน้ำทำธุระ แต่งชุดวิ่ง เก็บข้าวของลงไปที่รถ ก่อนขึ้นรถมองไปที่บังกะโลหลังนั้น พวกมันต่างก็นอนคอพับคออ่อนระเกะระกะบนเสื่อบนสนามหญ้าติดกับบังกะโลทั้งหญิงและชาย อยากเดินไปเตะสักทีสองทีเลยจริงๆ

ไอ้พวกเวรเอ๊ย….พวกมึงนี่แสบจริงๆ…สงสัยกูแย่แน่ๆวิ่งแข่งคราวนี้ ผมได้แต่พึมพำด่ามันให้คลายความแค้น

วิ่งไม่ไหวก็เดินซิวะ ผมคิดปรับแผนการที่ได้ฝันหวานเอาไว้ใหม่ ยังไงๆก็จะรักษาฟอร์ม อย่าให้เป็นลมล้มกลิ้งขณะวิ่งก็พอแล้ว….อายเขาแน่

ก่อนการแข่งขันจะเริ่มต้น บรรยากาศคึกคักมาก นักกีฬามากันเพียบ ยี่สิบนาทีก่อนการปล่อยตัว ผมเริ่มเดินไปมา ทักทายคนนั้นคนนี้ แล้วก็เริ่มวิ่ง Warm up เบาๆ ไปตามถนนเลียบหาด วิ่งไปมาจนเหงื่อชุมแล้วจึงยืดเหยียดกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ จากนั้นก็วิ่งไปมาอีกที ยกเข่าสูงเตะขาสลับ ตามหลักที่ครูอาจารย์สั่งสอนไว้

ลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมาสนิทเลย

สิ้นเสียงปืน ผมได้ออกวิ่งไปกับกลุ่มกลางๆ ในใจคิดว่า ไปเรื่อยๆดีกว่า เอาให้ถึงเส้นชัยก็พอแล้ว วิ่งไปเรื่อยๆ เครื่องเริ่มร้อน พอผ่านกิโลเมตรที่เจ็ด ผมรู้สึกว่า เครื่องติดแล้ว ไม่มีอาการใดๆตามที่กังวลว่าจะเกิดขึ้นเลย มันกลับคึกคักอย่างประหลาด กระหายที่อยากจะเร่งความเร็ว ผมจึงทำตามใจปรารถนา เร่งความเร็วขึ้น เร่งไปเรื่อยๆ พอถึงตลาด ช่วงเลี้ยวกลับ คิดอีกกว่า หากแรงยังดีก็จะรักษาระดับความเร็วเอาไว้ หากไม่และพอขึ้นเขา แรงหมด ก็จะเดินขึ้นไปเรื่อยๆ

ที่ไหนได้ เมื่อวิ่งมาถึงเชิงเขาสามมุข ผมยังรู้สึกถึงพลังที่ยังอัดแน่นอยู่ในร่างกายว่า ยังมีเหลืออยู่มาก นี่มันกิโลเมตรที่ สิบห้าสิบหกแล้ว อีกห้ากิโลเมตรก็จะผ่านภูเขาเข้าเส้นชัยแล้ว…งงตัวเองล่ะสิทีนี้

มันเป็นไปได้ยังไง เมื่อคืนนึ้ ตูนอนไม่หลับเลยทั้งคืน ทำไมไม่มีอาการอะไรเลยวะ

เขาสามมุข เป็นเขาที่วิ่งขึ้นก็มัน เวลาวิ่งลงก็สนุก เพื่อนนักวิ่งท่านใดเคยไปวิ่งรายการ “เขาสามุข ฮาล์ฟมาราธอน” คงจะได้รู้รสชาดกันดีนะครับ ผมไม่รู้ว่า ปัจจุบันเขายังจัดแข่งกันอยู่หรือไม่ เพราะผมมัวแต่บ้าไตรกีฬาเลยไม่ได้ไปงานวิ่งต่างๆเลย แต่ก็ยังระลึกถึงสนามวิ่งแห่งนี้อยู่เสมอจนคัดเอาบทความนี้มาให้ท่านอ่านกันก่อนบทความเรื่องอื่นๆ

อย่างที่เล่า ผมมันชอบและถนัดมากในเรื่องวิ่งขึ้นภูเขา ปั่นจักรยานขึ้นภูเขา พอถึงช่วงวิ่งขึ้น ผมก็วิ่งขึ้นไปด้วยพลังและความมัน พรรคพวกหลาย คนเดินขึ้น ผมวิ่งผ่านแซงคนแล้วคนเล่า

“เฮ้ย….ทนาย….ฟิตจังนะ….ยอดๆๆ” เสียงเพื่อนๆที่รู้จักร้องทักทาย เมื่อผ่านเขาไป ผมวิ่งขึ้นมาจนถึงยอดเขา เอาล่ะ ทีนี้ตูบรรลุเป้าหมายแล้ว…..ดีใจจนขนลุกซู่ ช่วงวิ่งลงเขาผมจึงชลอความเร็วลง เพราะพอใจแล้วและต้องระวังเนื่องจากถนนช่วงลงเขาเป็นดินหินลูกรัง(ไม่ทราบปัจจุบันยังคงเดิมอยู่หรือไม่) หากลงไม่ดี แดงเถือกทั้งตัวแน่ แล้วจะไปโทษ

“ ไอ้พวกหม่าจะเกิด ชิงหม๊าเกิด ” ไม่ได้นะ…..มันต้องโทษตัวเองแล้วทีนี้

วิ่งลงมาจนถึงเชิงเขาเข้าสู่ทางราบ อีก 2 กิโลเมตรจะเข้าสู่เส้นชัย ผมรู้สึกว่า ยังมีพลังที่จะเร่งเข้าสู่เส้นชัยได้อีก จึงตัดสินใจครั้งสุดท้ายว่า เป็นไงเป็นกัน ตูจะเร่งล่ะทีนี้ เร่งให้สุดๆเลย แล้วผมก็เร่งความเร็ว 2.1 กิโลเมตรสุดท้ายด้วยเวลาเพียง 8 นาที

สำหรับความเร็วช่วงปลายก่อนเข้าเส้นชัย ในการวิ่งระยะทาง 21.1 กิโลเมตรนี้ ผมไม่เคยทำได้มาก่อนเลยในชีวิต จากนั้นก็เดินไป เ ดินมาหลังเส้นชัยเพื่อ Cool dawn ในใจก็คิดหาบทสรุป ผมรู้ตัวแล้วว่า ร่างกายผมฟิตมาก เป็นผลจากความตั้งใจมุ่งมั่นและการฝึกซ้อมที่ดี

และที่รู้และเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ก็คือ การนอนไม่หลับในคืนก่อนแข่งขันกีฬานั้น ไม่มีผลใดๆต่อผลของการแข่งขันทั้งสิ้น

พอเสร็จงาน ผมรีบขับรถกลับบ้านที่กรุงเทพฯ ถึงบ้านเวลาบ่ายสองโมง อาบน้ำแต่งชุดนอน นั่งขอบเตียงเอนตัวลงจะนอน หัวยังไม่ถึงหมอนเลย……หลับกลางอากาศ   

 

นั่นเป็นครั้งที่หนึ่งและเพื่อเป็นการย้ำเรื่องนี้

ผมขอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 และ 3 กุมภาพันธ์ 2544 เพื่อสนับสนุนอีกครั้งหนึ่ง เพราะมันเกิดขึ้นกับผมเองและได้พิสูจน์หลักการนี้ด้วยตัวผมเอง เพื่อท่านทั้งหลายจะได้ประโยชน์ หายวิตกกังวลเรื่องนอนไม่หลับก่อนแข่ง และหากไม่วิตก ยิ่งจะทำให้หลับง่ายและหลับสนิทสู่ระดับ Delta Sleep ครับ

สิบสองปีก่อนผมนอนไม่หลับเลย ยังวิ่งระยะทาง 21.1 กิโลเมตรได้ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คราวนี้ ผมต้องแข่งขันไตรกีฬาระดับ THAI IRONMAN เฉพาะวิ่งอย่างเดียวก็ไกลกว่าวิ่งมาราธอนธรรมดาถึง 705 เมตร นี่ยังไม่รวมการว่ายน้ำและปั่นจักรยาน ยังหนักขนาดนี้ ถ้านอนไม่หลับทั้งคืนเลย จะไปรอดถึงเส้นชัยมั๊ยนี่

การแข่งขัน “ คนเหล็กไทย ”….ผมจัดเองแข่งเองร่วมกับเพื่อนๆนักไตรกีฬาชาวต่างประเทศและชาวไทยที่ชายหาดแม่รำพึง จังหวัดระยอง

ลำพังการจัดการแข่งขันไตรกีฬานี่ก็ยากลำบากแสนสาหัสอยู่แล้ว เนื่องจากมันต้องเตรียมการทั้งทางน้ำ(ทะเล) และทางบก ระยะทางก็สุดแสนไกล ต้องเตรียมสถานที่ กำลังคน วางแผน ทำทุกอย่างเพื่อให้งานลุล่วงสมเกียรติ

เครียดล่ะซิ

วิตกกังวล…ไอ้นั่นก็ยังไม่เสร็จ ไอ้นี่ก็ไม่เรียบร้อย ต้องชี้แจง ประชุมวางแผน วางกำลังคน เตรียมอุปกรณ์ น้ำ อาหาร สถานที่

เที่ยงคืนวันศุกร์ที่ 2 ก่อนแข่ง(วันเสาร์ที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา) ผมยังต้องเดินตรวจที่ชายหาดและขับรถตรวจการวางและทำเครื่องหมายบนถนนที่จะเป็นเส้นทางจักรยานและวิ่งอยู่เลย ตีสองกลับเข้าที่พัก อาบน้ำเข้านอน

นอนคิดทบทวนถึงการเตรียมงาน

คิดไปคิดมา ตีห้าพอดี ไม่หลับก็ช่างมัน ไม่เป็นไร เราซ้อมมาดี อย่างมากก็สถิติไม่ดีเท่านั้นเอง…..จากประสบการณ์ ผมมั่นใจตัวเอง…รับรองไม่เป็นลมให้เสียฟอร์มคนเหล็กแน่นอน ถึงเส้นชัย…ชัวร์ แต่เวลาไม่รู้ ไม่สน….ผมคิด

แล้วการแข่งขันก็เสร็จสิ้นลง ผมก็เข้าเส้นชัยได้ในเวลาที่ดีจนคาดไม่ถึง

ทั้งจัดทั้งแข่ง…..นอนไม่หลับเลยทั้งคืนก็ไม่มีผลต่อการแข่ง…..เพียงคืนเดียวก่อนแข่งนะครับ

ถ้าหลายคืน….เสียฟอร์มแน่